![]() |
วัดศาลาลอย |
![]() |
ภายในบริเวณวัด |
เมื่อวันที่ 4 กพ. 55 ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปโคราช และแวะสักการะท่านท้าวสุรนารี หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “ย่าโม” ไปครั้งนี้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปแวะที่ “วัดศาลาลอย” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอัฐิของย่าโม วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่ไหลมาจากลำตะคองผ่านเมืองโคราช เชื่อกันว่าย่าโมและสามีคือ เจ้าพระยามหิศราธิบดี เป็นผู้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2370 พบผู้คนที่เคารพย่าโม มาสักการะ อย่างมากมาย ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้นที่เคารพนับถือย่าโมในฐานะที่เป็นหนึ่งในหญิงกล้าของแผ่นดินไทย
ตามปกติเราเคยแต่ผ่านอนุสาวรีย์ของท่าน ที่อยู่กลางเมืองโคราช เป็นรูปปั้นสีดำ จึงนึกไม่ออกว่า หน้าตาของท่านเป็นอย่างไร แต่พอได้มาที่วัดศาลาลอย เห็นรูปถ่ายของรูปปั้นที่อยู่ในวิหารหลังหนึ่ง และเห็นรูปวาดของท่าน รู้สึกทึ่งอย่างมากมาย
![]() |
รูปปั้นย่าโมในวัดศาลาลอย |
![]() |
รูปถ่ายรูปปั้นอยู่ในวิหาร |
![]() |
รูปวาดย่าโม |
ย่าโม นอกจากท่านเป็นหญิงที่เก่งกล้า สามารถมาก ท่านยังเป็นหญิงที่สวยงามมาก ๆ คนหนึ่งทีเดียว เป็นวีรสตรีแห่งชาวสยามที่ควรศึกษาประวัติเป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าได้ประวัติของย่าโมมาจากวัดแห่งนี้
ย่าโม เกิดเมื่อปีเถาะ พ.ศ. 2314 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บิดาชื่อนายกิ่ม มารดาชื่อนางบุญมา สมรสเมื่ออายุ 25 ปี กับพระยาปลัดทองคำ (พระยามหิศราธิบดี) ขณะนั้นจึงเรียกท่านว่า คุณหญิงโม ท่านเป็นผู้ที่มีปัญญาหลักแหลม ใจคอหนักแน่น เด็ดขาด กล้าหาญ และเจนจัดในการกีฬา เช่นเล่นหมากรุกหาตัวจับยาก ชำนาญในการขี่ม้า เวลาท่านออกรบจะขี่ม้าสีดำ
เมื่อปลายรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองเมืองเวียงจันทร์ได้ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมา ขณะนั้นไม่มีผู้ควบคุมดูแลรักษาเมือง เจ้าอนุวงศ์จึงยึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จอย่างง่ายดายเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.พ. 2369 คุณหญิงโมและราษฎรทั้งหลายถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย คุณหญิงโมได้ใช้ความสามารถเจรจาขอร้องกองทัพเวียงจันทร์ให้เห็นแก่ชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็หากลอุบายหน่วงเหนี่ยวให้กองทัพเดินทางล่าช้า เช่นให้ชาวบ้านทำเป็นป่วยไข้บ้าง ทำเกวียนหักบ้างเพื่อทำให้ต้องเสียเวลาซ่อมแซม พร้อม ๆ กับดำเนินการในทางลับกับชาวบ้านให้ทำการตระเตรียมอาวุธให้พร้อมไว้ จนกระทั่งเดินทางไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงเมืองพิมาย กองทัพได้หยุดพัก คุณหญิงโมได้วางแผนให้ชาวบ้านนำข้าวปลาอาหารมื้อเย็นจัดเลี้ยงทหารเวียงจันทร์ โดยขอให้นางสาวบุญเหลือ ซึ่งเป็นสตรีที่สวยงามกว่าเพื่อน พาหญิงสาวเมืองนครราชสีมาไปปรนเปรอทหาร จนกระทั่งทหารเหล่านั้นหลงระเริงในความสุขที่ได้รับการปรนเปรอ และขาดการระมัดระวัง กลางดึกคืนนั้น คุณหญิงโมขี่ม้าสีดำ นำชาวเมืองนครราชสีมา พร้อมอาวุธเคลื่อนพลด้วยความสงบเงียบเข้าโจมตีทหารเหล่านั้น แย่งชิงอาวุธจากทหารฆ่าทหารเวียงจันทร์กันอย่างอลหม่าน ส่วนหญิงที่เข้าไปปรนเปรอทหาร พอรู้ว่าคุณหญิงโมยกพลเข้าโจมตีแล้ว ก็ละเลิกการปรนนิบัติ สวมหัวใจสิงห์เข้าประหัตประหารศัตรูทันที นางสาวบุญเหลือซึ่งขณะนั้นกำลังปรนเปรอทหารผู้เป็นหัวหน้าควบคุมค่าย ฉวยคว้าดาบหมายสังหาร แต่ไม่สำเร็จ จึงวิ่งหนีไปยังเกวียนที่บรรจุดินระเบิด และฉวยดุ้นฟืนที่ติดไฟใส่ไปยังกองเกวียน จนเกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว คร่าชีวิตทหารไปจำนวนมาก ตามแผนที่คุณหญิงโมวางไว้ นางสาวบุญเหลือเองก็เสียชีวิตไปในครั้งนั้นด้วย ความกล้าหาญของคุณหญิงโม สร้างความเชื่อมั่นและฮึกเหิมให้แก่ชาวบ้าน ไล่ฆ่าทหารเวียงจันทร์ตายเกลื่อนกลาดทั่วท้องทุ่งสัมฤทธิ์ ส่วนที่เหลือก็แตกพ่าย เจ้าอนุวงศ์เห็นว่าไม่มีหนทางต่อสู้ได้ เพราะเสียกลลวงวีรสตรีไทย จึงรีบเผาค่ายและเผาเมืองนครราชสีมา ยกทัพกลับเวียงจันทร์เมื่อ 23 มี.ค. 2369
คุณหญิงโม สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ ด้วยไหวพริบ ความชาญฉลาดและความกล้าหาญ มีน้ำใจเด็ดเดี่ยว เสียสละปกป้องผืนแผ่นดินไทยจากอริราชศัตรู โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ประวัติของคุณหญิงโมสมควรที่คนไทยทั้งหลายพึงจดจำและยึดถือเป็นแบบอย่าง
คุณหญิงโม ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ.2395 สิริมายุได้ 81 ปี อัฐิของท่าน บรรจุอยู่ที่วัดศาลาลอยแห่งนี้ เพื่อให้เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยทั้งหลาย และได้รำลึกถึงวีรกรรมของท่านที่ได้สร้างไว้ในแผ่นดิน
![]() |
เจดีย์บรรจุอัฐิย่าโม |
ขอสักการะ หญิงกล้า อย่างเต็มหัวใจ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น