การแต่งงานคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตคนเรา ที่หญิงชายคู่หนึ่งที่มีความรักต่อกัน ได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ สร้างครอบครัวใหม่ การที่คู่รักทุกคู่ให้ความสำคัญในการทำพิธีแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี ถือเป็นเรื่องที่ดีงามเพราะนอกจากจะแสดงถึงการให้เกียรติ์ของฝ่ายชายต่อฝ่ายหญิงแล้ว พิธีแต่งงานของหลาย ๆ คู่ ไม่ว่าจะเลือกปฏิบัติตามพิธีไทย จีน คริสต์ อิสลาม ล้วนมีเรื่องราวที่เป็นความทรงจำที่ดี ๆ สำหรับคนทั้งสองเมื่อได้ตัดสินใจเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่
ข้าพเจ้ามีหลาน ๆ หลายคนที่แต่งงานกันแล้ว และเลือกปฏิบัติพิธีตามธรรมเนียมไทย ๆ แก่นแท้ของธรรมเนียมประเพณีไทย มีเคล็ดลับของวิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนของพิธีการ สื่อความหมายในเรื่องของ "มงคล" เป็นหลัก ประเพณีไทยถือว่า หากทุกสิ่งเริ่มด้วยมงคลแล้ว ก็จะเป็นมงคลไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ "ชีวิตครอบครัว" ที่ทุกคนต้องการให้ยืนยาว ไม่มีใครต้องการบ้านแตกสาแหรกขาดหรือหย่าร้าง การตัดสินใจเลือกคู่ครอง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรก ที่แต่ละคนที่จะต้องดูให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ ก่อนตัดสินใจ เพราะคนที่เราตัดสินใจเลือก จะต้องอยู่กับเราไปจนชั่วชีวิต การเลือกคู่ชีวิตได้ถูกต้อง ถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตตนเองไปส่วนหนึ่งแล้ว
เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว พิธีแต่งงานก็จะเริ่มขึ้น คงจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ที่จะต้องร่วมกันจัดทำพิธี ความเหนื่อยยากในช่วงเวลาเตรียมงาน คงไม่ต้องพูดถึงว่าพ่อแม่เหนือยยากแค่ไหน แต่ผลที่สุดเพียงความสุขของลูก พ่อแม่ก็คงพอใจแล้ว ไม่ว่าบ้านไหน ๆ ก็คงเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ ผู้เป็นลูกผู้สุขสมหวัง จึงไม่ควรมองข้าม กตัญญูรู้คุณบิดามารดา จึงเป็นเรื่องที่ควรจดจำให้ขึ้นใจ
การเจรจาสู่ขอ ถือเป็นบันไดขั้นแรกของการแต่งงาน การสู่ขอเป็นพันธะสัญญาแรกของคนสองฝ่าย คือชายฝ่ายหนึ่งกับหญิงอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ได้มาร่วมโต๊ะเจรจากันในเรื่องสำคัญของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องของสินสอด เรื่องของเงิน เรื่องของงานพิธี เรื่องของการใช้ชีวิต ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกิดจากความห่วงใยของผู้เป็นบิดามารดา เมื่อการเจรจาสู่ขอสำเร็จลง ถือได้ว่าเทียนเล่มหนึ่งที่มีความใหญ่และหนักแน่น บรรจุไปด้วยความรักและหวังดีของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ได้ถูกจุดให้สว่างไสวขึ้นแล้วสำหรับชีวิตคู่ หน้าที่ต่อไป จึงเป็นเรื่องของคนทั้งสองที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องช่วยกันสานต่อให้แสงเทียนสว่างไสวรุ่งโรจน์ต่อไปให้นานที่สุด
ครั้นเมื่อวันแต่งงานมาถึง พิธีแรกของวันแต่ง ก็จะเป็นเรื่องพิธีทางสงฆ์ ที่พระสงฆ์จะมาสวดเจริญพระพุทธมนต์ และให้คู่บ่าวสาวได้ทำบุญตักบาตรร่วมกัน ให้เป็นมงคลแรกแห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ ความเชื่อโบราณที่ว่า "ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน" ยังคงสามารถยึดถือได้อยู่ ประเพณีไทยมีความดีงามที่ตรงนี้เอง คือการทำในสิ่งที่เป็นมงคล
การแห่ขันหมาก ถือเป็นช่วงหนึ่งของพิธีการที่สร้างความครึกครื้นให้กับงานแต่งงานอย่างมาก ฝ่ายชายจะยกขบวนกันมาเพื่อประกาศแก่ชาวโลกว่า พิธีแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ญาติพี่น้องที่มาร่วมแสดงความยินดี ก็จะเข้าร่วมในขบวนขันหมากด้วย ขบวนนี้จะประกอบไปด้วย ชุดขันหมากเอก และ ชุดขันหมากโท เพื่อนำไปให้ฝ่ายหญิง
ชุดขันหมากเอก จะประกอบไปด้วยพานบรรจุหมาก พลู พืชมงคล เช่น ถั่ว งา ข้าวเปลือก ใบรัก ใบเงิน ใบทอง ใบนาค ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม และพานสินสอดของหมั้น , พานแหวนหมั้น , พานธูปเทียนแพ การแต่งงานถือเป็นการสร้างครอบครัวใหม่ ทรัพย์สินเงินทองเหล่านี้ ถือเป็นทุนเรือนต้น สำหรับครอบครัวใหม่ ที่ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายหวังจะให้มีความงอกเงยเพิ่มพูน จึงใช้พืชมงคล โรยเป็นฤกษ์ชัย บนกองทรัพย์สินเหล่านี้
ส่วนชุดขันหมากโท ประกอบไปด้วยพานใส่ขนมไทย ๆ , ผลไม้ไทย ๆ ที่มีชื่อเป็นมงคล เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ขนมชั้น ขนมทองเอก รวมถึงต้นอ้อยและต้นกล้วย การใช้ต้นอ้อย ต้นกล้วยในขบวนขันหมาก ก็มีความหมายในทางมงคลแฝงอยู่ ต้นกล้วยเป็นไม้ที่แตกหน่อเจริญเติบโตง่าย แทนความหมายเรื่องความเจริญรุ่งเรืองงอกงาม ส่วนอ้อยเป็นไม้ที่มีความหวาน จึงแทนความหมายในเรื่องของความรักความหวานชื่น สิ่งของเหล่านี้ ตามโบราณถือเป็นของมงคลทั้งสิ้น
เมื่อขบวนขันหมากมาถึง ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งรอต้อนรับอยู่แล้ว ก็ออกมาเชิ้อเชิญ การเชื้อเชิญเป็นการแสดงไมตรีจิตในฐานะที่จะมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน มักจะให้เด็กหญิง หรือ สาวหน้าตาดี ยกพานไปเชิญขันหมาก การนำพานไปเชิญขันหมากถือเป็นการให้เกียรติ์ ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายมักจะตอบแทนน้ำใจด้วยการให้ของกำนัล ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ซองใส่เงินเป็นสินน้ำใจ
เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านฝ่ายหญิง ก็ใช่ว่าจะเข้าได้ถึงก้นครัวได้ทันที พิธีไทย มักจะถือเคล็ดว่าจะต้องผ่านด่านเล็ก ด่านน้อย หลาย ๆ ด่านก่อน ก็ไหน ๆ จะยกลูกสาวให้ทั้งที ก็ต้องมีพิธีรีตรองกันหน่อยจึงมักจะนำสายสร้อยเงินบ้าง ทองบ้าง บางคนก็ใช้เข็มขัด มากั้นไว้เสมือนดั่งเป็นประตู ฝ่ายชายก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแต่ละประตูไป จึงจะผ่านได้ พิธีการนี้ช่วยสร้างความครื้นเครงได้มากทีเดียว โดยเฉพาะงานแต่งงานของหลานสาวข้าพเจ้าเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555 อาจารย์เปรมจิตร สรรพอุดม ผู้มีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ของเจ้าสาว ได้จัดการกั้นถึง 4 ประตู คือประตูเงิน ประตูทอง ประตูนาคและประตูแก้วเพิ่มอีก 1 ประตู แถมยังบรรจงแต่งกลอนทำนองเสนาะ กำกับแต่ละประตู ทั้งเป็นผู้อ่านกลอนทำนองเสนาะนั้นด้วยตัวเองอีก สร้างความปลาบปลื้มแก่พ่อแม่ฝ่ายชาย และเพิ่มสีสันขบวนขันหมาก ให้มีความน่ารักมากทีเดียว
เมื่อผ่านประตูทั้ง 4 มาแล้ว ขบวนขันหมากก็เข้าไปถึงฝ่ายในที่พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงรอรับอยู่ ทำการส่งมอบขันหมากที่นำมาจนครบถ้วน ฝ่ายหญิงก็ตอบแทนน้ำใจ โดยมอบซองเงินเป็นของกำนัลเป็นสินน้ำใจแก่ผู้ถือขันหมาก ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย จะทำการเจรจากันถึงความเป็นมาที่เคยเจรจาสู่ขอกันไว้และสินสอดทองหมั้นที่ได้นำมา เพื่อให้ฝ่ายหญิงตรวจสอบว่า เป็นไปตามที่ตกลงกันหรือไม่ เมื่อตรวจสอบถูกต้องแล้ว จึงเชิญเจ้าสาวมา เพื่อจัดทำพิธีหมั้นและ แต่งงานต่อไป ส่วนเงินสินสอดทองหมั้น ถือว่าเป็นทรัพยมงคล ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย จะช่วยกันโปรยข้าวตอก ดอกไม้ ถั่ว งาให้ศีลให้พรให้เกิดผลงอกเงยเป็นศิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวแล้วจึงมอบให้แม่ของฝ่ายหญิง
ส่วนแหวนหมั้น จะถูกกันไว้เพื่อให้เจ้าบ่าวสวมนิ้วนางเจ้าสาว ปัจจุบันมีประเพณีเปลี่ยนไป นิยมนำเอาประเพณีฝรั่งเข้ามาผสมผสานด้วย เจ้าสาวก็จะเตรียมแหวนมาสวมให้เจ้าบ่าวด้วยเป็นการตอนแทน พิธีไทยแต่เดิมเรื่องนี้ไม่เคยมี แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย การให้ซึ่งกันและกัน ถือเป็นเรื่องที่ดีงาม
เมื่อหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่าย ก็จะให้คู่บ่าวสาวทำพิธีไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ การไหว้นี้ถือเป็นการขอขมาในสิ่งใด ๆ ที่เคยได้ล่วงเกินมาในอดีต จึงนิยมใช้พานธูป เทียนแพ และ ผ้า ในการขอขมา เมื่อผู้ใหญ่รับการขอขมาแล้ว ก็จะให้ศีลให้พรและให้ของขวัญแก่คู่บ่าวสาว
ปัจจุบันพิธีการไหว้ด้วยผ้าแปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งของอย่างอื่น ความรู้สึกว่าเป็นการขอขมา จึงถูกแปรเปลี่ยนเป็นการให้ของกำนัลต่อญาติผู้ใหญ่ไปแทน ก็ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เมื่อทำพิธีไหว้ผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธีการ คือพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
ที่เรียกว่าหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ก็คือการนำน้ำพระพุทธมนต์ที่พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีช่วงเช้า มาหลั่งที่มือให้คู่บ่าวสาวได้มีความสุข ความเจริญ โดยพ่อแม่พี่น้อง รวมถึงญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายได้กล่าวอวยพรผ่านสายน้ำ พิธีการในขั้นตอนนี้ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตและยิ่งผ่านการสวดเจริญพระพุทธมนต์ ย่อมถือได้ว่าคู่บ่าวสาวได้รับพรศักดิ์สิทธิ์จากญาติพี่น้องโดยตรง
เมื่อเสร็จจากขั้นตอนพิธีการ ก็ถึงเวลาที่คู่บ่าวสาวจะร่วมฉลองสมรสกันให้สนุกสนานคริ้นเครง เพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ที่มาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย ก็จะร่วมกันเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ เรียกว่าอิ่มกันสุด ๆ จึงค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นเสร็จพิธีของการแต่งงาน
การแต่งงาน เป็นเพียงการเริ่มต้นในการเดินทางของชีวิตคู่เท่านั้น แต่หนทางเดินข้างหน้า มันยังมีอีกยาวไกล ชีวิตมิได้อยู่ที่ความรักเพียงอย่างเดียว หากแต่ความเข้าใจกัน ความเห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน จะเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต หากรู้ เข้าใจ และปฏิบัติได้ ชีวิตคู่ที่ยืนยาวก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่ประการใด ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่า ชีวิตคู่ของหลานรักทุก ๆ คู่จะเป็นเช่นนั้น......ตลอดไป