บทความที่ได้รับความนิยม
-
ข้าพเจ้ามีโอกาสได้นึกถึงโรงเรียนเก่าอีกครั้งก็ตอนที่นักเรียนรุ่นน้องคือ รุ่น 109 ได้จัดงานมุทิตาจิต เชิญคุณครูเก่า ๆ หลายท่านมาร...
-
วัดศาลาลอย ภายในบริเวณวัด เมื่อวันที่ 4 กพ. 55 ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปโคราช และแวะสักการะท่านท้าวสุรนารี หรือที่เรา...
-
ภาพวาดพระนเรศวรขณะประกาศอิสสระภาพ ในช่วง ๑๕ ปี ที่พระนเรศวรครองแผ่นดิน เกือบจะเรียกได้ว่าเป็น ๑๕ ปีที่พระองค์ทรงเหนื่อยยากตรากตรำกั...
-
สุโขทัย เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุเกินกว่า 700 ปี เคยเป็นราชธานีไทยในอดีต แต่ก่อนที่จะเป็นราชธานี เมืองนี้มีฐานะเป็นเพียงรัฐ ๆ หนึ่งท...
-
อ่างขางในอดีต (ปี ค.ศ.1977) นับตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และเส...
-
ทวดอุดม สรรพอุดม เมื่อเดือนก่อน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับนักเขียนชาวเพชรบุรีท่านหนึ่ง ที่ชื่อคุณทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ เกี่ยว...
-
หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิง ท่านรองวิระ รมยะรูป เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2555 ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปร่วมงานพระรา...
-
วัดในกลาง ตำบลบ้านแหลม อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมานานเกินกว่า 200 ปีแล้ว เป็นวัดที่อยู่คู่ชุมชนชาวบ้านแห...
-
การแต่งงานคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตคนเรา ที่หญิงชายคู่หนึ่งที่มีความรักต่อกัน ได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ สร้...
-
เขาคือนายพงษ์เดช รักษาสกุล ที่เพื่อนทุกคนเรียกเขาว่า "สู้" สู้เป็นชาวนครหลวง จ.อยุธยา ครอบครัวมีอาชีพทำนา หลังจากร่ำเรียน...
วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556
กล้วยไม้งามที่บึงฉวาก
เมื่อถึงวาระส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ใครๆ ก็อยากจะหาสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองกันทั้งสิ้น ข้าพเจ้าก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะแสวงหาสิ่งดี ๆ ในวาระพิเศษเช่นกัน ในช่วงปีที่ผ่าน ๆ มาจึงได้เสาะหาสถานที่ไปเที่ยวนั่นโน่นนี่ทุกปีไป เพราะคิดว่านั่นคือการฉลองที่พิเศษ ทุกคนก็คงจะคิดไม่ต่างกัน จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ล้วนแต่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เบียดเสียดกันแน่นจนแทบจะไม่มีที่หายใจ ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องแย่งชิงกัน แย่งกันใช้ถนน แย่งกันเที่ยว แย่งกันกิน ปีสุดท้ายที่ข้าพเจ้าปฏิบัติเช่นนี้ก็คือใช้ความพยายามอย่างสูงในการขับรถไปแม่ฮ่องสอน ดินแดนแห่ง 2,000 กว่าโค้ง พอไปถึงก็หาที่กินไม่ได้ เพราะแต่ละแห่งจะต้องรอคิวกันหลายสิบ กว่าจะถึงคิวเรา ก็หิวกันจนตาลายแล้ว และในที่สุดก็ต้องไปขอให้แม่ค้าข้างถนน เจียวไข่ให้กิน นับแต่นั้นมา ก็เข็ดขยาดกับการท่องเที่ยวในวันหยุดยาว เนื่องจากเทศกาลต่าง ๆ หาความสุขให้ตัวเองในอย่างอื่นดีกว่า
ในปีนี้เหลือบไปเห็นข้อมูลในหนังสือพิมพ์ว่า จังหวัดสุพรรณบุรี จะจัดงานกล้วยไม้ที่บึงฉวาก ชื่อว่างาน "มหกรรมกล้วยไม้ไทย ใต่ร่มพระบารมี" เพียงได้ยินชื่องานก็ถูกใจแล้ว และเมื่อไป ก็ไม่ผิดหวัง
ข้าพเจ้าขับรถไปกันเองเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2555 ก็เป็นช่วงวันหยุดยาวนั่นแหละ ผู้คนในกรุงเทพมหานคร พากันออกไปต่างจังหวัด เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าปฏิบัติมาหลายต่อหลายปี บนถนนจึงแน่นไปด้วยรถยนตร์ทะเบียน กทม. ป้ายขาวบ้าง แดงบ้าง ตามประสาของคนที่ร่ำรวยขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ เมื่อรถมีมากกว่าถนน รถก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองจากวิ่ง มาเป็นคลาน ในบางจุด ขยับไปทีละนิดเรื่อย ๆ แบ่ง ๆ กันไป ข้าพเจ้าสามารถปรับตัวทำใจยอมรับกับสภาพเช่นนี้ได้แล้ว โดยถือว่าทุกคนคือเพื่อนร่วมทางที่อยู่ในสถานะเดียวกัน การเดินทางจึงรู้สึกชิว ๆ
ไปถึงบึงฉวาก ก็ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง นี่รวมถึงการแวะทานอาหารที่ร้านกุ่ยหมง ที่บางปลาม้า ซึ่งเป็นร้านอาหารเก่าแก่ลือชื่อในเรื่องการทำแกงป่าปลากรายที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย เจ้าของร้านชอบคุยโอ้อวดว่าขาประจำของร้านก็คืออดีต พณ.ฯ ท่าน บรรหาร ศิลปอาชา ทีเดียวเชียว ฉะนั้นแทบจะไม่ต้องไปหาเชลล์ชวนชิม มาลิ้มลองกันอีกแล้ว การันตีได้
ไปถึงบึงฉวากก็ 3 โมงกว่า ๆ บึงฉวากนี่ก็เป็นผลงานของท่านบรรหาร ศิลปอาชาอีกนั่นแหละ ที่เนรมิตบึงน้ำธรรมชาติ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อ ผลงานของท่านบรรหารที่ปรากฏต่อจังหวัดสุพรรณ เชื่อว่านับไปก็ไม่ครบถ้วน มันมากมายจริง ๆ สมกับเป็นผู้แทนราษฏรขาประจำของสุพรรณบุรี
บึงฉวากมีพื้นที่ ๆ กว้างใหญ่มากถึง 1,700 ไร่ เป็นแหล่งรวบรวมปลานานาพันธ์ และพืชพรรณไม้นานาชนิด มีอุทยานผักพื้นบ้าน และเขตสัตว์หวงห้าม ให้นักท่องเที่ยวได้ชม นักท่องเที่ยวที่มีใจรักธรรมชาติที่นี่จะมีบ้านพักที่สร้างเรียงราย รอบ ๆ บึง ให้ได้พักผ่อนอยู่หลายหลัง เรียกว่าเป็นรีสอร์ทธรรมชาติที่น่าสนใจแห่งหนึ่งทีเดียว เขตที่จัดงานมหกรรมกล้วยไม้ เป็นส่วนที่อยู่ด้านใน ทำเป็นอุโมงค์ริมบึงฉวาก ยาวประมาณ 300 เมตร นำกล้วยไม้มาตกแต่งในอุโมงค์ เนรมิตให้เป็นอุโมงค์กล้วยไม้ ที่สวยงามมาก ๆ ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ไปถึงบ่ายคล้อยแล้ว ลมเย็น ๆ จากบึงน้ำที่พัดผ่านมา ทำให้การเดินชมกล้วยไม้มีความเพลิดเพลินอย่างไม่รู้เบื่อ
ข้าพเจ้าเห็นคนที่มาเที่ยวชม มีหน้าตาอิ่มเอมไปด้วยความสุข ต่างก็พยายามถ่ายรูปกับกล้วยไม้ เป็นที่ระลึกกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส การได้เห็นผู้คนรอบข้าง ทำให้ข้าพเจ้าได้คิดว่า ความสุขของคนเรา มันไม่ได้อยู่ไกลตัวสักนิด ถ้าเรารู้จักสรรหา และรู้ความเพียงพอ รอยยิ้มอย่างมีความสุขของมือกล้องที่มีราคาตัวละหลายแสนบาทที่บรรจงถ่ายแต่ละรูปด้วยด้วยความตั้งใจ กับรอยยิ้มของคนเดินดินกินข้าวแกง ที่มีกล้องราคาเพียงไม่กี่ร้อยบาท และถ่ายอย่างไม่บรรจง เพียงแต่กดแชะกดแชะ ก็ได้รูปแล้ว รอยยิ้มของคนทั้งสอง แทบจะไม่ต่างกันเลยสักนิดเดียว เพราะความสุขที่พวกเขาได้รับ ก็คือความพอใจกับภาพถ่ายซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาได้ถ่ายด้วยความสุขจากมือของเขาเอง ผลจากรูปภาพที่ออกมา แม้จะมีความต่างกันอันเนื่องจากคุณภาพของกล้อง แต่มันก็เป็นรูปภาพที่พวกเขาอยากได้และพอใจกับภาพนั้น ๆ เขาก็ยิ้มกันได้อย่างมีความสุขทุกคน
นี่เองคือ...ความพอเพียง ที่ในหลวงของเราได้ทรงกล่าวไว้......กล้วยไม้งามที่บึงฉวาก จึงให้ความสุขกับมนุษย์ปุถุชนได้ทุกชนชั้น.........
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น