ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่คณะศิษย์เก่ารุ่น 29 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกันจัดงานบุญ ทอดกฐินสามัคคี โดยคุณเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ ประธานรุ่นของเรา ได้ตัดสินเลือกวัดศรีสุมังค์วนาราม อ.เมือง จ.มุกดาหาร เป็นวัดที่จะพาคณะเพื่อนร่วมรุ่นไปทอดกฐิน
วัดศรีสุมังค์วนารามนี้ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เมือง จ.มุกดาหาร ประวัติความเป็นมาของวัดนี้ ตามที่ปรากฏในหนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ จ.มุกดาหาร ระบุว่าเป็นวัดใหม่ แต่เดิมเรียกว่าวัดศรีบุญเรือง สร้างขึ้นในช่วงประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๔ - ๒๔๔๑ ส่วนวัดศรีบุญเรืองเดิมเป็นวัดนอกเมือง หวังจากที่ผู้คนย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ทางใต้มุกดาหารมากขึ้น จึงได้มีการสร้างวัดใหม่เรียกว่าวัดศรีสุมังค์ ประวัติความเป็นมาจึงมีไม่มากนัก
การย้ายถิ่นที่อยู่ของชาวเมืองมุกดาหาร ก็มีประวัติที่น่าสนใจ เมืองมุกดาหารเป็นเมืองชายแดนที่ติดต่อกับลาว มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรหมแดน ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีอาณาจักรล้านช้าง หลวงพระบาง และ อาณาจักรล้านช้าง เวียงจันทร์ เป็นประเทศเอกราชที่ใหญ่ทั้ง ๒ อาณาจักร ต่อมาราชวงศ์เวียงจันทร์ ได้แยกตัวออกมาตั้งอาณาจักรจำปาสักขึ้นอีก ผู้คนจากเวียงจันทร์จึงเริ่มอพยพลงมาตามลำน้ำโขง ตั้งเมืองที่ อุบล ยโสธร มุกดาหาร ครั้นถึงสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินกอบกู้เอกราช แผ่แสนยานุภาพไปถึงลุ่มแม่น้ำโขง รวบรวมหัวเมืองใหญ่น้อยสองฝั่งแม่น้ำโขงเข้าด้วยกัน ให้อยู่ในขอบขัณฑสีมาของกรุงธนบุรี มุกดาหารจึงถูกรวมเข้าด้วย
มุกดาหารตั้งขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๓ สมัยกรุงธนบุรี ขณะนั้นอาณาเขตเมืองมุกดาหารครอบคลุมไปถึงสองฝั่งแม่น้ำโขงจนจรดดินแดนญวน (เวียตนาม) มีกลุ่มชนอยู่หลายเผ่าพันธอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ผู้ไทย ข่า กระโซ่ กระเลิง แสก ย้อ กุลา และไทยอิสาน เมืองมุกดาหารแต่เดิมปกครองตามธรรมเนียมการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง มีเจ้าปกครองนครถึง ๗ คนด้วยกัน และต้องส่งส่วยต่อกรุงธนบุรี เรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๔ จึงยกเลิกประเพณีและยกเลิกการปกครองแบบเดิม เปลี่ยนเป็นผู้ว่าราชการเมือง จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๙ จึงถูกยุบลงเป็นอำเภอมุกดาหาร ขึ้นกับจังหวัดนครพนม ต่อมายกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดมุกดาหารเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕
มุกดาหารตั้งขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๓ สมัยกรุงธนบุรี ขณะนั้นอาณาเขตเมืองมุกดาหารครอบคลุมไปถึงสองฝั่งแม่น้ำโขงจนจรดดินแดนญวน (เวียตนาม) มีกลุ่มชนอยู่หลายเผ่าพันธอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ผู้ไทย ข่า กระโซ่ กระเลิง แสก ย้อ กุลา และไทยอิสาน เมืองมุกดาหารแต่เดิมปกครองตามธรรมเนียมการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง มีเจ้าปกครองนครถึง ๗ คนด้วยกัน และต้องส่งส่วยต่อกรุงธนบุรี เรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๔ จึงยกเลิกประเพณีและยกเลิกการปกครองแบบเดิม เปลี่ยนเป็นผู้ว่าราชการเมือง จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๙ จึงถูกยุบลงเป็นอำเภอมุกดาหาร ขึ้นกับจังหวัดนครพนม ต่อมายกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดมุกดาหารเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕
การที่คณะศิษย์เก่า KU ๒๙ มีโอกาสไปทอดกฐินที่เมืองมุกดาหารซึ่งอยู่ไกลจากกรุงเทพมากถึง 600 กม.เศษ จึงนับว่าได้อานิสงฆ์แห่งบุญที่สูงยิ่ง การเดินทางไปครั้งนี้ มีเฉพาะบุคคลที่ตั้งใจจริงเท่านั้น รวมได้ประมาณ 50 คน
ผลแห่งความร่วมมือร่วมใจของเพื่อนร่วมรุ่น ทำให้ได้ยอดเงินกฐินสูงถึง 1,102,929.- บาท มอบแด่วัดเพื่อนำไปปรับปรุงศาลาการเปรียญซึ่งยังทรุดโทรมอยู่ อิ่มใจกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะประธานเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ ซึ่งได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ นับเป็นกิจกรรมที่ดีมากของรุ่น 29 ที่ได้กระทำร่วมกันในครั้งนี้
เมื่อทอดกฐินเสร็จ กลุ่มเล็ก ๆ ของเราได้มีโอกาสข้ามไปยังแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว มีจุดมุ่งหมายเพื่อไปสักการะพระธาตุอิงฮัง ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของความเก่าแก่คราวเดียวกับพระธาตุพนมและถือเป็นพระธาตุพี่น้องกับพระธาตุพนม พวกเราได้รับความอนุเคราะห์จากอู้ด ศรีวัฒนา หนุนภักดี เพื่อนร่วมคณะ ที่รับเป็นธุระในการจัดการหารถยนตร์จากฝั่งลาวมาอำนวยความสดวก นับเป็นความโชคดีของพวกเรามาก ๆ
อากาศเมืองลาวร้อนอบอ้าวไม่แพ้ไทย หลังจากสักการะพระธาตุอิงฮังเสร็จ คณะของเราเริ่มออกอาการเหน็ดเหนื่อยร้องหากาแฟดื่ม เพื่อนอู้ดของเราก็น้ำใจดีเหลือหลาย ให้รถขับตะเวณไปร้านกาแฟที่ดีที่สุดของเมืองสะหวันนะเขตเอาใจเพื่อน นอกจากกาแฟจะอร่อยแล้ว พวกเรายังได้พบกับพระเอกหนังไทย เล็ก ไอสูรณ์ นั่งทานอาหารอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาไปทำธุรกิจกันที่สะหวันเขต
เราออกจากฝั่งลาวก่อน ๔ โมงเย็น เพื่อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม เมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทย รถตู้รออยู่แล้ว พาเราบึ่งไปยังจังหวัดนครพนมทันที เพื่อสักการะพระธาตุพนม ให้ทันก่อนพลบค่ำ ไปถึงพระธาตุพนมก็ ๕ โมงเย็นกว่า ๆ ทุกคนก็ไม่ยอมเสียโอกาสที่นาน ๆ ทีจะได้มาทัวร์บุญเช่นนี้สักครั้ง รีบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพร้อมใจกันเดินเวียนรอบองค์พระธาตุกันทุกคน โดยมิได้มีการนัดหมายเป็นเรื่องที่แปลกทีเดียว
ทัวร์บุญครั้งนี้ นับว่าต้องทรหดกันมาก เพราะเป็นการเดินทางไปหลายจังหวัด เรามีโปรแกรมพักค้างที่อ่างเก็บน้ำห้วยเดียก จังหวัดสกลนคร ซึ่งอยู่ใกล้พระตำหนักภูพาน วิ่งหากันอยู่นานกว่าจะพบก็เวลาประมาณ ๓ ทุ่มแล้ว พอไปถึงก็รีบทานอาหารกันด้วยความหิว และปลีกตัวเข้านอนโดย ไม่ได้สนุกกับเพื่อน ๆ สลบหลับไหลกันรวดเดียวถึงเช้า ตืนขึ้นมารับอากาศสดชื่น และบรรยากาศที่สวยงาม พบเพื่อนบางคนตื่นกันแต่เช้า ลุกขึ้นมาออกกำลังกายก็มี
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องอาหารเช้า คณะเราก็ปลีกตัวเดินทางกลับกรุงเทพทันที โดยตลอดทัวร์บุญครั้งนี้เรามีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายวัดด้วยกัน
มหาเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด |
พระธาตุพนม จ.นครพนม |
วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร |
วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร |
วัดพระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขต ลาว |
แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางสักเพียงใด แต่ความอิ่มเอิบใจที่ได้รับจากการทัวร์บุญครั้งนี้ ยากที่จะลืมเลือนได้จริง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น