ในชีวิตการทำงานของข้าพเจ้า ส่วนใหญ่จะอยู่กับการแก้ไขเรียกหนี้คืนให้กับธนาคาร จึงได้พบเจอกับลูกหนี้มากมาย หลากหลายรูปแบบ ทั้งเก่ง ทั้งเขี้ยว ทั้งน่าเห็นใจ และน่าสงสาร ทั้งหลายทั้งปวง ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่จะมีการแสดงออกที่ต่างกัน และไม่ว่าเขาจะแสดงออกเช่นไร ข้าพเจ้ามีหน้าที่ ที่จะแก้ไข , หาทางออกเพื่อให้ได้ข้อยุติทุกราย
มีลูกหนี้หลายคนที่สร้างความประทับใจให้ข้าพเจ้า หนึ่งในนั้นคือ หญิงสาวคนหนึ่งที่เข้ามาเป็นหนี้โดยที่ไม่เข้าใจเท่าใดนัก
“หนูเซ็นต์ชื่ออย่างเดียว เรื่องอื่น ๆ สามีหนูจัดการหมด” นี่คือคำบอกเล่าของหญิงสาวคนนั้น ก่อนที่เธอจะระบายเรื่องราวชีวิตทั้งหมดให้ข้าพเจ้าฟัง
ข้าพเจ้ามีความเห็นใจเธอยิ่งนัก เธออาจจะเยาว์วัยเกินกว่าที่จะคิดจัดการธุรกิจ เธอมีครอบครัวเมื่อยังเป็นสาวรุ่น ขณะที่สามีรับราชการ และทำธุรกิจอื่น ๆ ควบด้วยอีกมากมายหลายอย่าง ฐานะทางสังคมที่เธอได้รับในท้องถิ่น มันอาจจะทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องอื่นๆ ครั้นเมื่อสามีประสพอุบัติเหตุถึงแก่กรรม ชีวิตของเธอจึงกลับด้าน......เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ
“หนูอยากตาย ............... วัน ๆ .....มีแต่เจ้าหนี้มาทวงถาม หนูไม่รู้จะทำอย่างไร”
ข้าพเจ้าเชื่อว่าเธออยากตายจริง ๆ เมื่อเธอเล่าต่อว่า...........
“หนูเขียนชื่อ คนที่หนูรักทุกๆ คน ในจดหมายลาตาย หนูเขียนตอนที่ไปเยี่ยมญาติคนหนึ่งที่โรงพยาบาลแถวฝั่งธนบุรี แต่หนูเขียนยังไม่ครบทุกคน พยาบาลก็มาไล่หนูออกจากห้อง เขาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยม หนูตั้งใจว่าเมื่อเขียนครบ ก็จะทิ้งไว้กับญาติคนนั้น และจะออกมากระโดดตึก”
ข้าพเจ้าแอบขำในใจ และคิด.ในใจว่าดวงเธอคงยังไม่ถึงที่ตายนี่นะ.... แต่ก็ไม่กล้าแสดงออก นอกจากรับฟังเธอเล่าต่อ........
“เป็นเวลา 5-6 ปี ที่ชีวิตหนูเหมือนตกนรกทั้งเป็น สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง หนูเหลือแต่ตัวจริง ๆ ใครจะมาเอาอะไร....ก็เอาไป หนูไม่ว่าอะไร”
เธอโดนเจ้าหนี้ทุกรายดำเนินคดี และยึดทรัพย์สินออกขายทอดตลาด ทั้งทรัพย์ที่จำนอง และไม่ได้จำนอง จนบัดนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย................ แม้กระทั่งที่อยู่อาศัย
“โชคดีที่หนูไม่มีลูก และพี่ชายหนูสงสาร จึงชวนมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ หนูก็ช่วยงานพี่ชายทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ลืมเรื่องราวในอดีต”
แล้ววันหนึ่ง ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของเธอ “หนูต้องหาทางชำระหนี้ หนูต้องเริ่มเจรจากับเจ้าหนี้แต่ละราย” เธอปรารภความคิดนี้ให้พี่ชายเธอฟัง ..............
ข้าพเจ้าเห็นว่า เวลา..สามารถช่วยให้เธอเริ่มจัดระเบียบชีวิตของตนเองได้ และมีความกล้าพอที่จะก้าวใหม่อีกครั้ง.....จนเธอมั่นใจว่า....หากสามารถเริ่มนับ 1 ได้ มันจะต้องมี 2...3...4...ตามมา.
“หนูมาหาธนาคารของพี่ เป็นแห่งแรก และอยากจะขอความเห็นใจ ช่วยเหลือหนูด้วย”
สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกขณะนั้น มิใช่เพียงความเห็นใจในตัวเธอเท่านั้น แต่ชื่นชมในความรับผิดชอบของเธอ ซึ่งแม้เธอจะล้มลุกคลุกคลานจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน แต่เธอยังมีกระใจที่จะคิดถึงความรับผิดชอบในหนี้ที่ครอบครัวก่อขึ้น และกล้าที่จะก้าวเข้ามารับผิดชอบ แม้รู้ว่าเป็นเรื่องยากลำบาก และความสามารถในการชำระหนี้ของเธอ ไม่มีโดยสิ้นเชิง
ฉันอยากจะเรียกเธอว่า “ลูกหนี้ที่รัก” จริง ๆ
หนี้ของเธอค้างสูงเป็นหลักล้าน แต่เธอได้รับการอนุเคราะห์จากธนาคารผ่อนปรนให้ชำระเพียง 150,000.- บาท ด้วยเงินที่พี่ชายของเธอช่วยเหลือ เธอได้รับการลดหย่อนหนี้จากธนาคารเกือบ 90% ของหนี้ที่ค้าง นับเป็นโชคดีของเธอเป็นอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าภาวนาให้เธอเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง และขอให้เธอโชคดีตลอดไป..............
ชีวิตคน มีมากมาย หลายรูปแบบ เมื่อใดที่คิดว่า ชีวิตของตัวเองหนักหนาแล้ว จงนึกถึง "ลูกหนี้ที่รัก" ของ จา มณี คนนี้ แล้วบางที ปัญหาอันหนักหนาของท่าน อาจจะกลายเป็นเพียงก้อนสำลีอันเบาบางเท่านั้นเอง....
ตอบลบ