บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สักการะ..หญิงกล้า



วัดศาลาลอย


ภายในบริเวณวัด

เมื่อวันที่  4 กพ. 55  ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปโคราช และแวะสักการะท่านท้าวสุรนารี หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ย่าโม  ไปครั้งนี้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปแวะที่ วัดศาลาลอย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอัฐิของย่าโม  วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่ไหลมาจากลำตะคองผ่านเมืองโคราช  เชื่อกันว่าย่าโมและสามีคือ เจ้าพระยามหิศราธิบดี เป็นผู้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2370  พบผู้คนที่เคารพย่าโม มาสักการะ อย่างมากมาย ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้นที่เคารพนับถือย่าโมในฐานะที่เป็นหนึ่งในหญิงกล้าของแผ่นดินไทย


ตามปกติเราเคยแต่ผ่านอนุสาวรีย์ของท่าน ที่อยู่กลางเมืองโคราช เป็นรูปปั้นสีดำ  จึงนึกไม่ออกว่า หน้าตาของท่านเป็นอย่างไร  แต่พอได้มาที่วัดศาลาลอย  เห็นรูปถ่ายของรูปปั้นที่อยู่ในวิหารหลังหนึ่ง  และเห็นรูปวาดของท่าน  รู้สึกทึ่งอย่างมากมาย



รูปปั้นย่าโมในวัดศาลาลอย



รูปถ่ายรูปปั้นอยู่ในวิหาร


รูปวาดย่าโม

ย่าโม  นอกจากท่านเป็นหญิงที่เก่งกล้า สามารถมาก  ท่านยังเป็นหญิงที่สวยงามมาก ๆ คนหนึ่งทีเดียว  เป็นวีรสตรีแห่งชาวสยามที่ควรศึกษาประวัติเป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าได้ประวัติของย่าโมมาจากวัดแห่งนี้


ย่าโม เกิดเมื่อปีเถาะ พ.ศ. 2314 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บิดาชื่อนายกิ่ม  มารดาชื่อนางบุญมา  สมรสเมื่ออายุ 25 ปี กับพระยาปลัดทองคำ (พระยามหิศราธิบดี)  ขณะนั้นจึงเรียกท่านว่า คุณหญิงโม  ท่านเป็นผู้ที่มีปัญญาหลักแหลม  ใจคอหนักแน่น เด็ดขาด กล้าหาญ และเจนจัดในการกีฬา  เช่นเล่นหมากรุกหาตัวจับยาก  ชำนาญในการขี่ม้า เวลาท่านออกรบจะขี่ม้าสีดำ
 

เมื่อปลายรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองเมืองเวียงจันทร์ได้ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมา  ขณะนั้นไม่มีผู้ควบคุมดูแลรักษาเมือง เจ้าอนุวงศ์จึงยึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จอย่างง่ายดายเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.พ. 2369   คุณหญิงโมและราษฎรทั้งหลายถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย  คุณหญิงโมได้ใช้ความสามารถเจรจาขอร้องกองทัพเวียงจันทร์ให้เห็นแก่ชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็หากลอุบายหน่วงเหนี่ยวให้กองทัพเดินทางล่าช้า  เช่นให้ชาวบ้านทำเป็นป่วยไข้บ้าง  ทำเกวียนหักบ้างเพื่อทำให้ต้องเสียเวลาซ่อมแซม   พร้อม ๆ กับดำเนินการในทางลับกับชาวบ้านให้ทำการตระเตรียมอาวุธให้พร้อมไว้  จนกระทั่งเดินทางไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์  แขวงเมืองพิมาย กองทัพได้หยุดพัก  คุณหญิงโมได้วางแผนให้ชาวบ้านนำข้าวปลาอาหารมื้อเย็นจัดเลี้ยงทหารเวียงจันทร์  โดยขอให้นางสาวบุญเหลือ ซึ่งเป็นสตรีที่สวยงามกว่าเพื่อน พาหญิงสาวเมืองนครราชสีมาไปปรนเปรอทหาร จนกระทั่งทหารเหล่านั้นหลงระเริงในความสุขที่ได้รับการปรนเปรอ และขาดการระมัดระวัง   กลางดึกคืนนั้น คุณหญิงโมขี่ม้าสีดำ นำชาวเมืองนครราชสีมา  พร้อมอาวุธเคลื่อนพลด้วยความสงบเงียบเข้าโจมตีทหารเหล่านั้น  แย่งชิงอาวุธจากทหารฆ่าทหารเวียงจันทร์กันอย่างอลหม่าน  ส่วนหญิงที่เข้าไปปรนเปรอทหาร พอรู้ว่าคุณหญิงโมยกพลเข้าโจมตีแล้ว  ก็ละเลิกการปรนนิบัติ  สวมหัวใจสิงห์เข้าประหัตประหารศัตรูทันที   นางสาวบุญเหลือซึ่งขณะนั้นกำลังปรนเปรอทหารผู้เป็นหัวหน้าควบคุมค่าย ฉวยคว้าดาบหมายสังหาร แต่ไม่สำเร็จ จึงวิ่งหนีไปยังเกวียนที่บรรจุดินระเบิด และฉวยดุ้นฟืนที่ติดไฟใส่ไปยังกองเกวียน จนเกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว คร่าชีวิตทหารไปจำนวนมาก ตามแผนที่คุณหญิงโมวางไว้   นางสาวบุญเหลือเองก็เสียชีวิตไปในครั้งนั้นด้วย  ความกล้าหาญของคุณหญิงโม  สร้างความเชื่อมั่นและฮึกเหิมให้แก่ชาวบ้าน ไล่ฆ่าทหารเวียงจันทร์ตายเกลื่อนกลาดทั่วท้องทุ่งสัมฤทธิ์  ส่วนที่เหลือก็แตกพ่าย   เจ้าอนุวงศ์เห็นว่าไม่มีหนทางต่อสู้ได้ เพราะเสียกลลวงวีรสตรีไทย จึงรีบเผาค่ายและเผาเมืองนครราชสีมา   ยกทัพกลับเวียงจันทร์เมื่อ 23 มี.ค. 2369


คุณหญิงโม  สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ  ด้วยไหวพริบ  ความชาญฉลาดและความกล้าหาญ  มีน้ำใจเด็ดเดี่ยว  เสียสละปกป้องผืนแผ่นดินไทยจากอริราชศัตรู  โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน  ประวัติของคุณหญิงโมสมควรที่คนไทยทั้งหลายพึงจดจำและยึดถือเป็นแบบอย่าง
 

คุณหญิงโม ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ.2395  สิริมายุได้ 81 ปี  อัฐิของท่าน บรรจุอยู่ที่วัดศาลาลอยแห่งนี้ เพื่อให้เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยทั้งหลาย  และได้รำลึกถึงวีรกรรมของท่านที่ได้สร้างไว้ในแผ่นดิน



เจดีย์บรรจุอัฐิย่าโม

ขอสักการะ หญิงกล้า อย่างเต็มหัวใจ !    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น