บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วันแต่งงาน..ความทรงจำหนึ่งในชีวิต




การแต่งงานคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตคนเรา ที่หญิงชายคู่หนึ่งที่มีความรักต่อกัน ได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ สร้างครอบครัวใหม่  การที่คู่รักทุกคู่ให้ความสำคัญในการทำพิธีแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี  ถือเป็นเรื่องที่ดีงามเพราะนอกจากจะแสดงถึงการให้เกียรติ์ของฝ่ายชายต่อฝ่ายหญิงแล้ว  พิธีแต่งงานของหลาย ๆ คู่ ไม่ว่าจะเลือกปฏิบัติตามพิธีไทย จีน คริสต์  อิสลาม ล้วนมีเรื่องราวที่เป็นความทรงจำที่ดี ๆ  สำหรับคนทั้งสองเมื่อได้ตัดสินใจเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่

ข้าพเจ้ามีหลาน ๆ หลายคนที่แต่งงานกันแล้ว  และเลือกปฏิบัติพิธีตามธรรมเนียมไทย ๆ  แก่นแท้ของธรรมเนียมประเพณีไทย มีเคล็ดลับของวิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนของพิธีการ สื่อความหมายในเรื่องของ "มงคล"  เป็นหลัก ประเพณีไทยถือว่า  หากทุกสิ่งเริ่มด้วยมงคลแล้ว  ก็จะเป็นมงคลไปตลอดชีวิต  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ "ชีวิตครอบครัว"   ที่ทุกคนต้องการให้ยืนยาว ไม่มีใครต้องการบ้านแตกสาแหรกขาดหรือหย่าร้าง  การตัดสินใจเลือกคู่ครอง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรก ที่แต่ละคนที่จะต้องดูให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้  ก่อนตัดสินใจ เพราะคนที่เราตัดสินใจเลือก จะต้องอยู่กับเราไปจนชั่วชีวิต   การเลือกคู่ชีวิตได้ถูกต้อง ถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตตนเองไปส่วนหนึ่งแล้ว


เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว  พิธีแต่งงานก็จะเริ่มขึ้น  คงจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ที่จะต้องร่วมกันจัดทำพิธี  ความเหนื่อยยากในช่วงเวลาเตรียมงาน คงไม่ต้องพูดถึงว่าพ่อแม่เหนือยยากแค่ไหน แต่ผลที่สุดเพียงความสุขของลูก พ่อแม่ก็คงพอใจแล้ว  ไม่ว่าบ้านไหน ๆ ก็คงเหมือนกัน  สิ่งเหล่านี้ ผู้เป็นลูกผู้สุขสมหวัง จึงไม่ควรมองข้าม   กตัญญูรู้คุณบิดามารดา จึงเป็นเรื่องที่ควรจดจำให้ขึ้นใจ




การเจรจาสู่ขอ ถือเป็นบันไดขั้นแรกของการแต่งงาน  การสู่ขอเป็นพันธะสัญญาแรกของคนสองฝ่าย  คือชายฝ่ายหนึ่งกับหญิงอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ได้มาร่วมโต๊ะเจรจากันในเรื่องสำคัญของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น  เรื่องของสินสอด  เรื่องของเงิน  เรื่องของงานพิธี  เรื่องของการใช้ชีวิต ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกิดจากความห่วงใยของผู้เป็นบิดามารดา   เมื่อการเจรจาสู่ขอสำเร็จลง  ถือได้ว่าเทียนเล่มหนึ่งที่มีความใหญ่และหนักแน่น บรรจุไปด้วยความรักและหวังดีของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ได้ถูกจุดให้สว่างไสวขึ้นแล้วสำหรับชีวิตคู่  หน้าที่ต่อไป จึงเป็นเรื่องของคนทั้งสองที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องช่วยกันสานต่อให้แสงเทียนสว่างไสวรุ่งโรจน์ต่อไปให้นานที่สุด






ครั้นเมื่อวันแต่งงานมาถึง   พิธีแรกของวันแต่ง  ก็จะเป็นเรื่องพิธีทางสงฆ์  ที่พระสงฆ์จะมาสวดเจริญพระพุทธมนต์  และให้คู่บ่าวสาวได้ทำบุญตักบาตรร่วมกัน ให้เป็นมงคลแรกแห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่   ความเชื่อโบราณที่ว่า "ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน"   ยังคงสามารถยึดถือได้อยู่  ประเพณีไทยมีความดีงามที่ตรงนี้เอง  คือการทำในสิ่งที่เป็นมงคล



การแห่ขันหมาก ถือเป็นช่วงหนึ่งของพิธีการที่สร้างความครึกครื้นให้กับงานแต่งงานอย่างมาก  ฝ่ายชายจะยกขบวนกันมาเพื่อประกาศแก่ชาวโลกว่า พิธีแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว  ญาติพี่น้องที่มาร่วมแสดงความยินดี ก็จะเข้าร่วมในขบวนขันหมากด้วย  ขบวนนี้จะประกอบไปด้วย ชุดขันหมากเอก และ ชุดขันหมากโท  เพื่อนำไปให้ฝ่ายหญิง




ชุดขันหมากเอก จะประกอบไปด้วยพานบรรจุหมาก พลู พืชมงคล เช่น ถั่ว งา ข้าวเปลือก ใบรัก ใบเงิน ใบทอง ใบนาค ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม  และพานสินสอดของหมั้น , พานแหวนหมั้น , พานธูปเทียนแพ  การแต่งงานถือเป็นการสร้างครอบครัวใหม่ ทรัพย์สินเงินทองเหล่านี้ ถือเป็นทุนเรือนต้น สำหรับครอบครัวใหม่ ที่ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายหวังจะให้มีความงอกเงยเพิ่มพูน  จึงใช้พืชมงคล โรยเป็นฤกษ์ชัย บนกองทรัพย์สินเหล่านี้  







ส่วนชุดขันหมากโท  ประกอบไปด้วยพานใส่ขนมไทย ๆ , ผลไม้ไทย ๆ  ที่มีชื่อเป็นมงคล เช่น ทองหยิบ  ทองหยอด  ขนมชั้น ขนมทองเอก  รวมถึงต้นอ้อยและต้นกล้วย   การใช้ต้นอ้อย ต้นกล้วยในขบวนขันหมาก ก็มีความหมายในทางมงคลแฝงอยู่ ต้นกล้วยเป็นไม้ที่แตกหน่อเจริญเติบโตง่าย  แทนความหมายเรื่องความเจริญรุ่งเรืองงอกงาม   ส่วนอ้อยเป็นไม้ที่มีความหวาน จึงแทนความหมายในเรื่องของความรักความหวานชื่น สิ่งของเหล่านี้ ตามโบราณถือเป็นของมงคลทั้งสิ้น




เมื่อขบวนขันหมากมาถึง  ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งรอต้อนรับอยู่แล้ว ก็ออกมาเชิ้อเชิญ การเชื้อเชิญเป็นการแสดงไมตรีจิตในฐานะที่จะมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน   มักจะให้เด็กหญิง หรือ สาวหน้าตาดี ยกพานไปเชิญขันหมาก  การนำพานไปเชิญขันหมากถือเป็นการให้เกียรติ์  ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายมักจะตอบแทนน้ำใจด้วยการให้ของกำนัล ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ซองใส่เงินเป็นสินน้ำใจ



เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านฝ่ายหญิง  ก็ใช่ว่าจะเข้าได้ถึงก้นครัวได้ทันที  พิธีไทย มักจะถือเคล็ดว่าจะต้องผ่านด่านเล็ก ด่านน้อย หลาย ๆ ด่านก่อน  ก็ไหน ๆ จะยกลูกสาวให้ทั้งที ก็ต้องมีพิธีรีตรองกันหน่อยจึงมักจะนำสายสร้อยเงินบ้าง ทองบ้าง  บางคนก็ใช้เข็มขัด  มากั้นไว้เสมือนดั่งเป็นประตู  ฝ่ายชายก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแต่ละประตูไป จึงจะผ่านได้  พิธีการนี้ช่วยสร้างความครื้นเครงได้มากทีเดียว โดยเฉพาะงานแต่งงานของหลานสาวข้าพเจ้าเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555  อาจารย์เปรมจิตร  สรรพอุดม  ผู้มีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ของเจ้าสาว  ได้จัดการกั้นถึง 4 ประตู คือประตูเงิน  ประตูทอง  ประตูนาคและประตูแก้วเพิ่มอีก 1 ประตู  แถมยังบรรจงแต่งกลอนทำนองเสนาะ  กำกับแต่ละประตู ทั้งเป็นผู้อ่านกลอนทำนองเสนาะนั้นด้วยตัวเองอีก   สร้างความปลาบปลื้มแก่พ่อแม่ฝ่ายชาย และเพิ่มสีสันขบวนขันหมาก ให้มีความน่ารักมากทีเดียว


เมื่อผ่านประตูทั้ง 4 มาแล้ว ขบวนขันหมากก็เข้าไปถึงฝ่ายในที่พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงรอรับอยู่  ทำการส่งมอบขันหมากที่นำมาจนครบถ้วน  ฝ่ายหญิงก็ตอบแทนน้ำใจ โดยมอบซองเงินเป็นของกำนัลเป็นสินน้ำใจแก่ผู้ถือขันหมาก   ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย จะทำการเจรจากันถึงความเป็นมาที่เคยเจรจาสู่ขอกันไว้และสินสอดทองหมั้นที่ได้นำมา  เพื่อให้ฝ่ายหญิงตรวจสอบว่า เป็นไปตามที่ตกลงกันหรือไม่  เมื่อตรวจสอบถูกต้องแล้ว   จึงเชิญเจ้าสาวมา  เพื่อจัดทำพิธีหมั้นและ แต่งงานต่อไป  ส่วนเงินสินสอดทองหมั้น  ถือว่าเป็นทรัพยมงคล ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย  จะช่วยกันโปรยข้าวตอก ดอกไม้ ถั่ว งาให้ศีลให้พรให้เกิดผลงอกเงยเป็นศิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวแล้วจึงมอบให้แม่ของฝ่ายหญิง











ส่วนแหวนหมั้น จะถูกกันไว้เพื่อให้เจ้าบ่าวสวมนิ้วนางเจ้าสาว  ปัจจุบันมีประเพณีเปลี่ยนไป นิยมนำเอาประเพณีฝรั่งเข้ามาผสมผสานด้วย เจ้าสาวก็จะเตรียมแหวนมาสวมให้เจ้าบ่าวด้วยเป็นการตอนแทน  พิธีไทยแต่เดิมเรื่องนี้ไม่เคยมี  แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย การให้ซึ่งกันและกัน ถือเป็นเรื่องที่ดีงาม




เมื่อหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่าย ก็จะให้คู่บ่าวสาวทำพิธีไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ  การไหว้นี้ถือเป็นการขอขมาในสิ่งใด ๆ ที่เคยได้ล่วงเกินมาในอดีต  จึงนิยมใช้พานธูป เทียนแพ และ ผ้า ในการขอขมา  เมื่อผู้ใหญ่รับการขอขมาแล้ว  ก็จะให้ศีลให้พรและให้ของขวัญแก่คู่บ่าวสาว







ปัจจุบันพิธีการไหว้ด้วยผ้าแปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งของอย่างอื่น  ความรู้สึกว่าเป็นการขอขมา จึงถูกแปรเปลี่ยนเป็นการให้ของกำนัลต่อญาติผู้ใหญ่ไปแทน  ก็ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย  เมื่อทำพิธีไหว้ผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธีการ คือพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์







ที่เรียกว่าหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ก็คือการนำน้ำพระพุทธมนต์ที่พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีช่วงเช้า มาหลั่งที่มือให้คู่บ่าวสาวได้มีความสุข ความเจริญ  โดยพ่อแม่พี่น้อง รวมถึงญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายได้กล่าวอวยพรผ่านสายน้ำ พิธีการในขั้นตอนนี้ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตและยิ่งผ่านการสวดเจริญพระพุทธมนต์  ย่อมถือได้ว่าคู่บ่าวสาวได้รับพรศักดิ์สิทธิ์จากญาติพี่น้องโดยตรง


เมื่อเสร็จจากขั้นตอนพิธีการ  ก็ถึงเวลาที่คู่บ่าวสาวจะร่วมฉลองสมรสกันให้สนุกสนานคริ้นเครง เพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ที่มาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย ก็จะร่วมกันเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่  เรียกว่าอิ่มกันสุด ๆ จึงค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน  เป็นเสร็จพิธีของการแต่งงาน




การแต่งงาน เป็นเพียงการเริ่มต้นในการเดินทางของชีวิตคู่เท่านั้น  แต่หนทางเดินข้างหน้า มันยังมีอีกยาวไกล  ชีวิตมิได้อยู่ที่ความรักเพียงอย่างเดียว  หากแต่ความเข้าใจกัน ความเห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน  จะเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต  หากรู้  เข้าใจ  และปฏิบัติได้  ชีวิตคู่ที่ยืนยาวก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่ประการใด   ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่า ชีวิตคู่ของหลานรักทุก ๆ  คู่จะเป็นเช่นนั้น......ตลอดไป













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น