บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่องดี ๆ จาก จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์





ฟาร์ม จิม ทอมป์สัน อยู่ในเขต อ.ปักธงชัย  จ.นครราชสีมา ก่อตั้งโดยนายจิม ทอมป์สัน  ชาวอเมริกันที่เข้ามาประเทศไทยเมื่อ ปี ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) เพื่อปฏิบัติภาระกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒  จนกระทั่งเมื่อสงครามโลกสงบลง  เขาเลือกไม่กลับประเทศ และใช้ชีวิตในเมืองไทยต่อไป


จิม ให้ความสนใจและหลงไหลกับผ้าไหมทอมือของไทย เห็นว่ามีความสวยงามกว่าการผลิตจากเครื่องจักร  จึงสืบเสาะค้นหาถึงขั้นตอนการผลิตและแหล่งผลิต  เขาเดินทางไปหลายที่ในภาคอิสาน พบเห็นและสนใจการเลี้ยงไหมในครัวเรือนของคนท้องถิ่น จึงตัดสินใจที่จะฟื้นฟูกิจการผ้าไหมไทยซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงซบเซา 
 
 
เขาตั้งบริษัทขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๔๘ (พ.ศ.๒๔๙๑)  เพื่อรับซื้อผ้าไหมจากคนท้องถิ่น พร้อม ๆ กับส่งเสริมชาวบ้านให้ทอผ้าไหม  โดยเริ่มต้นจากชุมชนบ้านครัว ริมคลองแสนแสบ จนกิจการผ้าไหมกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง  และเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๖๗ (พ.ศ. ๒๕๑๐)  ระหว่างที่เขาไปพักผ่อนที่ประเทศมาเลเซีย  เขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับ  โดยไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรม  ทรัพย์สินของเขาบางส่วนถูกจัดตั้งเป็นมูลนิธิ  ส่วนธุรกิจผ้าไหม  ดำเนินการต่อโดยทายาท และคณะผู้ถือหุ้นต่อ ๆ มา

 
โรงงานทอผ้าไหมที่ อ.ปักธงชัย เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๑  และได้มีการพัฒนาเรื่อยมา ทั้งด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  กิจการสาวเส้นไหม  ทอผ้าไหม  และผลผลิตจากผ้าไหมอีกหลาย ๆ ชนิด จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๔  ได้เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าชม  โดยจะเปิดเพียงปีละครั้ง  ข้าพเจ้าเพิ่งมีโอกาสได้เข้าชมในปีนี้  นอกจากประทับใจในกิจการของ จิม ทอมป์สันแล้ว  ยังเห็นคุณประโยชน์หลายประการที่เกษตรกรไทยได้รับจากบุคคลท่านนี้










 
 







บริเวณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม  ตกแต่งพื้นที่ไว้อย่างสวยงาม ด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ชนิดต่าง ๆ



















นอกเหนือจากนี้ยังได้ช่วยอนุรักษ์มรดกไทย  โดยจำลองหมู่บ้านอิสาน ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เข้าชมและศึกษา  และบริเวณนี้เคยใช้เป็นที่ถ่ายทำละครดังเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ




























ผลผลิตจากฟาร์มมีหลากหลายชนิด    ได้จัดวางจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวที่เข้าชมฟาร์มที่ตลาดจิม



 

ฟาร์มจิม ทอมป์สัน ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของภาคอิสานที่ไม่ควรพลาดชมเป็นอย่างยิ่ง..




ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก เครือจิม ทอมป์สัน...

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

งานกฐินเคยู 29







ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่คณะศิษย์เก่ารุ่น  29  ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ได้ร่วมกันจัดงานบุญ  ทอดกฐินสามัคคี  โดยคุณเฉลิมเกียรติ   แสนวิเศษ ประธานรุ่นของเรา  ได้ตัดสินเลือกวัดศรีสุมังค์วนาราม  อ.เมือง  จ.มุกดาหาร  เป็นวัดที่จะพาคณะเพื่อนร่วมรุ่นไปทอดกฐิน


วัดศรีสุมังค์วนารามนี้  เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง  อ.เมือง จ.มุกดาหาร   ประวัติความเป็นมาของวัดนี้   ตามที่ปรากฏในหนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ จ.มุกดาหาร ระบุว่าเป็นวัดใหม่  แต่เดิมเรียกว่าวัดศรีบุญเรือง สร้างขึ้นในช่วงประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๔ - ๒๔๔๑  ส่วนวัดศรีบุญเรืองเดิมเป็นวัดนอกเมือง  หวังจากที่ผู้คนย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ทางใต้มุกดาหารมากขึ้น จึงได้มีการสร้างวัดใหม่เรียกว่าวัดศรีสุมังค์  ประวัติความเป็นมาจึงมีไม่มากนัก
 
 
 
การย้ายถิ่นที่อยู่ของชาวเมืองมุกดาหาร  ก็มีประวัติที่น่าสนใจ เมืองมุกดาหารเป็นเมืองชายแดนที่ติดต่อกับลาว มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรหมแดน ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง  มีอาณาจักรล้านช้าง หลวงพระบาง และ อาณาจักรล้านช้าง เวียงจันทร์ เป็นประเทศเอกราชที่ใหญ่ทั้ง ๒ อาณาจักร  ต่อมาราชวงศ์เวียงจันทร์ ได้แยกตัวออกมาตั้งอาณาจักรจำปาสักขึ้นอีก ผู้คนจากเวียงจันทร์จึงเริ่มอพยพลงมาตามลำน้ำโขง  ตั้งเมืองที่  อุบล  ยโสธร  มุกดาหาร   ครั้นถึงสมัยกรุงธนบุรี  พระเจ้าตากสินกอบกู้เอกราช  แผ่แสนยานุภาพไปถึงลุ่มแม่น้ำโขง  รวบรวมหัวเมืองใหญ่น้อยสองฝั่งแม่น้ำโขงเข้าด้วยกัน  ให้อยู่ในขอบขัณฑสีมาของกรุงธนบุรี  มุกดาหารจึงถูกรวมเข้าด้วย



มุกดาหารตั้งขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๓  สมัยกรุงธนบุรี  ขณะนั้นอาณาเขตเมืองมุกดาหารครอบคลุมไปถึงสองฝั่งแม่น้ำโขงจนจรดดินแดนญวน (เวียตนาม)  มีกลุ่มชนอยู่หลายเผ่าพันธอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ผู้ไทย  ข่า กระโซ่  กระเลิง  แสก  ย้อ  กุลา  และไทยอิสาน   เมืองมุกดาหารแต่เดิมปกครองตามธรรมเนียมการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง  มีเจ้าปกครองนครถึง ๗ คนด้วยกัน และต้องส่งส่วยต่อกรุงธนบุรี เรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์  จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๔  จึงยกเลิกประเพณีและยกเลิกการปกครองแบบเดิม  เปลี่ยนเป็นผู้ว่าราชการเมือง  จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๙  จึงถูกยุบลงเป็นอำเภอมุกดาหาร  ขึ้นกับจังหวัดนครพนม  ต่อมายกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดมุกดาหารเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕


การที่คณะศิษย์เก่า KU ๒๙  มีโอกาสไปทอดกฐินที่เมืองมุกดาหารซึ่งอยู่ไกลจากกรุงเทพมากถึง   600  กม.เศษ  จึงนับว่าได้อานิสงฆ์แห่งบุญที่สูงยิ่ง   การเดินทางไปครั้งนี้  มีเฉพาะบุคคลที่ตั้งใจจริงเท่านั้น  รวมได้ประมาณ  50  คน   








                       









 
 
 









 
 
ผลแห่งความร่วมมือร่วมใจของเพื่อนร่วมรุ่น  ทำให้ได้ยอดเงินกฐินสูงถึง  1,102,929.- บาท มอบแด่วัดเพื่อนำไปปรับปรุงศาลาการเปรียญซึ่งยังทรุดโทรมอยู่  อิ่มใจกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะประธานเฉลิมเกียรติ  แสนวิเศษ ซึ่งได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่  นับเป็นกิจกรรมที่ดีมากของรุ่น 29 ที่ได้กระทำร่วมกันในครั้งนี้



เมื่อทอดกฐินเสร็จ  กลุ่มเล็ก ๆ  ของเราได้มีโอกาสข้ามไปยังแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว  มีจุดมุ่งหมายเพื่อไปสักการะพระธาตุอิงฮัง  ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของความเก่าแก่คราวเดียวกับพระธาตุพนมและถือเป็นพระธาตุพี่น้องกับพระธาตุพนม   พวกเราได้รับความอนุเคราะห์จากอู้ด ศรีวัฒนา  หนุนภักดี  เพื่อนร่วมคณะ  ที่รับเป็นธุระในการจัดการหารถยนตร์จากฝั่งลาวมาอำนวยความสดวก นับเป็นความโชคดีของพวกเรามาก ๆ








อากาศเมืองลาวร้อนอบอ้าวไม่แพ้ไทย   หลังจากสักการะพระธาตุอิงฮังเสร็จ  คณะของเราเริ่มออกอาการเหน็ดเหนื่อยร้องหากาแฟดื่ม  เพื่อนอู้ดของเราก็น้ำใจดีเหลือหลาย  ให้รถขับตะเวณไปร้านกาแฟที่ดีที่สุดของเมืองสะหวันนะเขตเอาใจเพื่อน   นอกจากกาแฟจะอร่อยแล้ว  พวกเรายังได้พบกับพระเอกหนังไทย  เล็ก ไอสูรณ์ นั่งทานอาหารอยู่ที่นั่นด้วย   พวกเขาไปทำธุรกิจกันที่สะหวันเขต 






เราออกจากฝั่งลาวก่อน ๔ โมงเย็น เพื่อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม  เมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทย รถตู้รออยู่แล้ว  พาเราบึ่งไปยังจังหวัดนครพนมทันที  เพื่อสักการะพระธาตุพนม ให้ทันก่อนพลบค่ำ  ไปถึงพระธาตุพนมก็  ๕ โมงเย็นกว่า ๆ  ทุกคนก็ไม่ยอมเสียโอกาสที่นาน ๆ ทีจะได้มาทัวร์บุญเช่นนี้สักครั้ง รีบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพร้อมใจกันเดินเวียนรอบองค์พระธาตุกันทุกคน โดยมิได้มีการนัดหมายเป็นเรื่องที่แปลกทีเดียว






ทัวร์บุญครั้งนี้ นับว่าต้องทรหดกันมาก เพราะเป็นการเดินทางไปหลายจังหวัด  เรามีโปรแกรมพักค้างที่อ่างเก็บน้ำห้วยเดียก   จังหวัดสกลนคร   ซึ่งอยู่ใกล้พระตำหนักภูพาน  วิ่งหากันอยู่นานกว่าจะพบก็เวลาประมาณ  ๓ ทุ่มแล้ว   พอไปถึงก็รีบทานอาหารกันด้วยความหิว และปลีกตัวเข้านอนโดย ไม่ได้สนุกกับเพื่อน ๆ  สลบหลับไหลกันรวดเดียวถึงเช้า  ตืนขึ้นมารับอากาศสดชื่น และบรรยากาศที่สวยงาม พบเพื่อนบางคนตื่นกันแต่เช้า  ลุกขึ้นมาออกกำลังกายก็มี




















หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องอาหารเช้า  คณะเราก็ปลีกตัวเดินทางกลับกรุงเทพทันที  โดยตลอดทัวร์บุญครั้งนี้เรามีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายวัดด้วยกัน




มหาเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด


พระธาตุพนม จ.นครพนม

วัดป่าสุทธาวาส  จ.สกลนคร


วัดพระธาตุเชิงชุม  จ.สกลนคร


วัดพระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขต  ลาว



แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางสักเพียงใด   แต่ความอิ่มเอิบใจที่ได้รับจากการทัวร์บุญครั้งนี้  ยากที่จะลืมเลือนได้จริง  ๆ