บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บัวตองบาน เต็มลานแม่อูคอ

 
 


บนแนวเขาที่สลับซับซ้อนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน  ที่ต้องใช้เวลาในการขับรถไต่เขาวกไปวนมาถึง ๑,๘๖๔  โค้ง แม้จะเป็นการเดินทางที่ทรหด  แต่เมื่อเดินทางไปถึงดอยแม่อูคอ และพบความสวยงามของทุ่งดอกบัวตองที่เหลืองอร่ามสะพรั่งไปทั่วทั้งหุบเขาลูกแล้วลูกเล่า ก็สามารถลบความเหน็ดเหนื่อยไปได้จนหมดสิ้น  การเดินทางไปท่องเที่ยวดอยแม่อูคอในครั้งนี้จึงนับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง
 
 
 
  
  


 
  







 
 

นับเป็นความโชคดีที่ได้ไปเที่ยวดอยแม่อูคอช่วงที่ดอกบัวตองกำลังบานเต็มที่ จึงพบความสวยงามที่ประทับใจ ความสวยงามของทุ่งบัวตองแห่งนี้  เกิดจากความคิดริเริ่มของคณะมิชชั่นนารีชาวอเมริกัน ที่เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาเมื่อหลายสิบปีก่อน  ได้นำเมล็ดพันธ์ดอกบัวตอง  หรือที่ชาวอเมริกันเรียกว่า Mexican sunflower  ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในทวีปอเมริกา เข้ามาทดลองปลูก เพราะมีสภาพอากาศที่คล้ายคลึงกัน และปรากฏว่าได้ผลเป็นที่พอใจ ในฤดูหนาวของทุก ๆ ปี  ดอกบัวตองจะบานสะพรั่งอย่างสวยงาม  จังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด 
 
 
แต่หากจะมองเพียงแค่ความสวยงามก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม  หากจะมองลึกไปอีกด้านหนึ่งถึงประวัติศาสตร์ในอดีตที่บริเวณนี้เคยเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์มาก่อน  ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจไม่น้อย ที่ป่าไม้ที่สมบูรณ์ถูกทำลายเสียหายจากการที่บริษัทต่างชาติเข้ามาทำสัมปทานป่าไม้ ในเขตนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๔ จนกระทั่งกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ บริษัทบอมเบย์-เบอร์ม่า จึงค่อยๆถอนตัวออกไป และยุติกิจการเมื่อรัฐบาลไทยประกาศให้พื้นที่นี้เป็นเขตป่าสงวน ไม้ถูกตัดออกขายจนหมดทำให้ป่าที่สมบูรณ์กลายสภาพเป็นป่าที่โล่งเตียน เมื่อนำเมล็ดพันธ์ดอกบัวตองมาปลูก จึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว  เกิดความสวยงามเข้ามาทดแทนความเสียหาย
 
 
 
 
ดอยแม่อูคอเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอขุนยวม ความสำคัญของขุนยวมในอดีต เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒  ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยมี จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศตัวเข้าร่วมรบกับประเทศญี่ปุ่น 
 
 
 

 
 
 




ประเทศไทยได้ลงนามในกติกาสัญญาพันธมิตรกับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๔๘๔  และมีการลงนามร่วมกันในข้อตกลงลับ "ข้อตกลงในกิจแผนที่เกี่ยวกับแผนการยุทธร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น"  เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๔๘๕ และได้ประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕  จึงถือได้ว่าไทยเป็นพันธมิตรทางสงครามร่วมกับญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองกำลังของทหารญี่ปุ่นที่รับผิดชอบการรบหลักในประเทศไทยและพม่าคือกองทัพที่ ๑๕ ภายใต้การนำของ พลโท ชิฮาจิ คาตามูระ  สังกัดกองบัญชาการกองทัพใหญ่ภาคพื้นทิศใต้ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียตนาม   ทหารญี่ปุ่น เริ่มเข้ามาในขุนยวมเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ประมาณ ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐  นาย  กองกำลังส่วนแรกเป็นหน่วยพลาธิการ และหน่วยสำรวจทาง   กองกำลังที่สอง เป็นหน่วยสร้างเส้นทาง



มิตรภาพระหว่างทหารญี่ปุ่นกับชาวบ้านในอำเภอขุนยวม เริ่มขึ้นเมื่อมีการเตรียมการก่อสร้างถนนเพื่อเป็นเส้นทางเดินทัพเข้าสู่ประเทศพม่า โดยได้มีการสร้างค่ายพักช่วงก่อสร้าง  ชาวบ้านขุนยวมในช่วงนั้นได้ทำการค้าขายกับทหารญี่ปุ่นอย่างคึกคัก  บางรายรับจ้างสร้างเส้นทางให้ญี่ปุ่น  นายทหารญี่ปุ่นระดับนายทหารได้พำนักอยู่บ้านของชาวบ้านและวัดในหมู่บ้าน
 
 




เมื่อชาวบ้านเจ็บป่วยก็ได้อาศัยทหารญี่ปุ่นที่เป็นหมอช่วยดูแลรักษาพยาบาล ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทหารญี่ปุ่นกับชาวบ้านพึ่งพาอาศัยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมากที่สุด  เกิดความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างทหารญี่ปุ่นและชาวอำเภอขุนยวมเสมือนดังพี่น้องและญาติมิตร จนเมื่อญี่ปุ่นเพลี่ยงพล้ำที่ฐานทัพในพม่า ทหารที่บาดเจ็บสาหัสถูกลำเลียงมาที่ฐานทัพขุนยวม  คนแล้วคนเล่า นับพันนับหมื่น  และเป็นการเดินเท้าจากฝั่งพม่าข้ามแดนมา  จึงสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวขุนยวม ไม่แพ้ชาวญี่ปุ่น  อนุมานได้ว่ากองกำลังทหารญี่ปุ่นที่รบในพม่าในปี พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๔๘๘  และที่ถอนทัพจากพม่าเข้าในประเทศไทย รวมจำนวนประมาณ ๒๗๐,๐๐๐  นาย





 
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ วัดม่วยต่อ ถูกดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสนาม มีทหารญี่ปุ่นบาดเจ็บล้มป่วยตายเป็นจำนวนมาก  ทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจะถูกนำไปฝังยังฝั่งตะวันตกของวัด ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสนามกีฬาเทศบาลและอนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น  และยังได้มีการก่อสร้างป้ายจารึกหลุมฝังศพทหารญี่ปุ่น โดยองค์กรเอกชนและอดีตทหารญี่ปุ่นที่ยังมีชีวิตอยู่หลังสงคราม  เพื่อเป็นที่ระลึกสักการะของอนุชนรุ่นหลัง 









การไปเที่ยวชมทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวมในครั้งนี้  มิเพียงแต่จะมีโอกาสได้ชื่นชมกับความงามของทุ่งบัวตอง และ ธรรมชาติที่น่าประทับใจเพียงเท่านั้น  หากแต่มีโอกาสได้รับทราบข้อมูลดีๆ ที่อนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น ที่ขุนยวม ได้ทำไว้ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ขมขื่นของสงคราม ที่ทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทย จะต้องจดจำไปอีกหลายชั่วชีวิต.







ขอขอบคุณข้อมูลจากอนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น