บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แผ่นดินพระนารายณ์



วังนารายณ์

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวงานแผ่นดินพระนารายณ์ ซึ่งจัดขึ้นที่วังนารายณ์ จ.ลพบุรี เมื่อปีที่ผ่านมา  งานนี้ชาวลพบุรีได้จัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเชิดชูเกียรติ์ของพระนารายณ์มหาราชซึ่งทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินไว้มากมายจนได้รับสมญานามว่าเป็นมหาราชองค์หนึ่งของแผ่นดินไทย  การได้เข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ทำให้มีโอกาสได้รำลึกถึงประวัติศาสตร์ไทยช่วงหนึ่งในอดีต





สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ ๒๗ ของกรุงศรีอยุธยา เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าปราสาททองที่ประสูติแด่พระราชเทวี  เมื่อวันที่  ๑๖ กุมภาพันธ์  พ.ศ. ๒๑๗๕  ขณะประสูติพระญาติต่างมองเห็นว่ามีสี่กร จึงถวายพระนามว่านารายณ์ราชกุมาร พระราชประวัติของพระองค์ในช่วงเยาว์วัย  มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหารย์อยู่เสมอๆ  เคยถูกอสุนีบาตถึง ๒ ครั้งในวัยเด็ก  แต่ก็รอดพ้นจากภยันตรายได้ทั้ง ๒ ครั้ง เป็นที่แปลกประหลาดต่อผู้พบเห็น
 


สมเด็จพระนารายณ์เป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์ปราสาททอง  ซึ่งเป็นราชวงศ์หนึ่งที่ครองแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา จากทั้งหมดที่มีอยู่ 5 ราชวงศ์ด้วยกันคือ
  1. ราชวงศ์อู่ทอง
  2. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
  3. ราชวงศ์สุโขทัย
  4. ราชวงศ์ปราสาททอง
  5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
 
 
ราชวงศ์ปราสาททอง ครองแผ่นดินอยุธยาต่อจากราชวงศ์สุโขทัย  ซึ่งมีพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวร เป็นต้นราชวงศ์  และสมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์ต่อมาระหว่าง พ.ศ. 2133 - 2148 ได้สถาปนาสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระอนุชา) เป็นพระมหาอุปราช  ครั้นต่อมาสมเด็จพระเอกาทศรถ ขึ้นครองราชย์ ระหว่าง พ.ศ. 2148 - 2153  ได้สถาปนาเจ้าฟ้าสุทัศน์ พระราชโอรสองค์โตซึ่งเกิดกับพระมเหสี  ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชแทน  แต่เจ้าฟ้าสุทัศน์ ถูกข้อหาขบถต่อพระราชบิดา จึงเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน   เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์  ซึ่งเป็นโอรสองค์ถัดมา ได้ขึ้นครองราชย์แทน แต่ครองราชย์ได้เพียงไม่ถึงปี ก็ถูกราชประหาร  ในช่วงแผ่นดินของพระศรีเสาวภาคย์นี้  จหมื่นศรีสรรักษ์ ได้ซ่องสุมกำลังทหาร บุกเข้าวังหลวงนำพระศรีเสาวภาคย์มาสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์และอัญเชิญพระอินทรราชา (พระราชโอรสของพระเอกาทศรถ ที่เกิดกับสนม)  ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างผนวช  ลาสิกขาบทมาครองราชย์ ทรงพระนามว่าพระเจ้าทรงธรรม  และตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์ เป็นพระอุปราช  พระเจ้าทรงธรรม ครองแผ่นดินระหว่างปี พ.ศ. 2154 - 2171  นานถึง 17 ปี  เมื่อพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต เกิดการแย่งชิงราชบัลลังค์ระหว่างพระราชโอรสพี่น้อง ในที่สุดพระเชษฐาธิราชพระราชโอรสองค์โต ได้สถาปนาตนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ โดยสำเร็จโทษพระอนุชาเสีย แต่ครองแผ่นดินได้เพียงปีเศษ ก็ถูกออกญาศรีวรวงศ์ (จหมื่นศรีสรรักษ์) สำเร็จโทษและอัญเชิญพระอาทิตยวงศ์ ซึ่งเป็น พระอนุชาองค์สุดท้องขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ด้วยวัยเพียง 9 ชันษา โดยมีพระยากลาโหมศรีสุริยวงศ์ ( คือออกญาศรีวรวงศ์หรือจหมื่นศรีสรรักษ์นั่นเอง) เป็นผู้สำเร็จราชการ  พระอาทิตยวงศ์ครองราชย์ได้เพียง 36 วัน เหล่าขุนนางเห็นว่าพระองค์เอาแต่เล่นซุกซนตามประสาเด็ก เกรงจะเสียหายต่อราชการ จึงอัญเชิญลงจากบัลลังค์ และพระยากลาโหม ก็ได้ปราบดาภิเษกตนเองเป็นพระมหากษัตริย์ พระนามว่าพระเจ้าปราสาททอง และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ใหม่ขึ้น คือ "ราชวงศ์ปราสาททอง" 
 
 
 
พระเจ้าปราสาททองครองราชย์ต่อมานานถึง 25 ปี ( ตั้งแต่ พ.ศ. 2173 - 2198 )  และเสด็จสวรรคต เมื่อปี 2198  สมเด็จเจ้าฟ้าไชย พระราชโอรสองค์โต ที่เกิดกับพระมเหสี คือได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา แต่ครองราชย์ได้เพียง 9 เดือน ก็ถูกพระศรีสุธรรมราชา ซึ่งเป็นพระปิตุลา(ลุง) และ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พระโอรสพระเจ้าปราสาททองที่เกิดกับราชเทวี) สำเร็จโทษและชิงราชสมบัติ   พระศรีสุธรรมราชาได้เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อมา โดยสถาปนาพระนารายณ์เป็นพระมหาอุปราช แต่พระศรีสุธรรมราชาครองราชย์ได้เพียง 2 เดือนเศษก็ถูกพระนารายณ์ชิงราชบัลลังค์ เมื่อ พ.ศ. 2199 สมเด็จพระนารายณ์ได้ขึ้นครองราชย์ต่อมานานถึง 32 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 2199 - 2231)  
 
 
 
 
  
 
สมเด็จพระนารายณ์ครองราชย์ ในขณะที่พระชันษาเพียง 25 ปีและพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ปราสาททอง  เสด็จสวรรคตเมื่อพ.ศ. 2231 ด้วยพระชันษา 56 ปี ณ.พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี และถือเป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ปราสาททอง 
 
 
พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ ปัจจุบันเหลือเพียงฐาน
 
  
 
ช่วงแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นช่วงที่แผ่นดินไทยมีความเจริญรุ่งเรืองมากทางเศรษฐกิจ เพราะมีการติดต่อกับโลกตะวันตก มีการเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีหลาย ๆ อย่างแบบซีกโลกตะวันตก


มีการเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมการเข้าเฝ้าจากการหมอบคลาน เป็นให้ยืนหรือนั่งเก้าอี้หน้าพระที่นั่งและสวมรองเท้าได้  ดังที่ปรากฏการเข้าเฝ้าของเชอวาเลีย เดอ โชมอง ราชฑูตจากราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 ตค. 2228 ซึ่งได้เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์น   
 



มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศสรวม 3 ครั้งด้วยกัน  เกี่ยวกับการยอมให้อภิสิทธิ์แก่ต่างชาติในการทำการค้าในสยาม , การเผยแพร่คริสต์ศาสนาในสยาม และสิทธิสภาพนอกอาณาเขตแก่คนในบังคับของฝรั่งเศสในสยาม
 


พระองค์ทรงโปรดให้ส่งคณะฑูต เดินทางไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14  ถึง  4  คณะ ที่พระราชวังแวร์ซายส์และศึกษาดูงานความก้าวหน้าของบ้านเมืองและวิทยาการชองฝรั่งเศส เพื่อนำกลับมาพัฒนาสยามประเทศ 


มีการค้าขายกับต่างชาติอย่างกว้างขวางในช่วงแผ่นดินของพระองค์  สินค้าของไทยที่ต่างชาตินิยม  มีจำพวก ข้าว  ดีบุก  หนังกวาง  นอแรด  ช้าง  ส่วนสยามก็จะซื้อเข้ามาจากต่างชาติจำพวก อาวุธปืนจากยุโรป ,  ทองแดง และเครื่องถ้วยชามจากจีนและญี่ปุ่น ,  ผ้าจากอิหร่านและอินเดีย , พระนารายณ์ทรงมีกองเรือหลวงประกอบด้วยเรือสำเภาจีน  และเรือกำปั่นแบบยุโรป เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าเช่นกัน





ในแผ่นดินของพระองค์มีชาวญี่ปุ่นอพยพมาตั้งรกรากที่กรุงศรีอยุธยาจำนวนมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นพวกนับถือศาสนาคริสต์ซึ่งถูกกีดกันจากญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาอาศัยในกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่สมัยพระนเรศวร เริ่มจากชุมชนเล็กๆ และมากขึ้นในสมัยของพระองค์   พระองค์ทรงอนุญาติให้ตั้งหมู่บ้านญี่ปุ่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทิศใต้ของเกาะเมือง  ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ในอดีต ชาวญี่ปุ่นเหล่านี้มีบทบาทในราชสำนักสยามด้วยการเป็นทหารอาสา






 
ในยุคของพระองค์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์   โดยลาลูแบร์ ชาวฝรั่งเศสได้บันทึกสะท้อนเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของชาวสยามในรัชกาลของพระนารายณ์ว่า คนสยามเป็นกันมากคือโรคป่วง  โรคบิด ไข้จับสั่น ไอหวัด ไอหอบ โรคบวม โรคไขข้ออักเสบ ลมบ้าหมู  วัณโรคปอด มะเร็ง  กามโรค  ฝีดาษ  หมอสยามไม่รู้จักวิธีศัลยกรรม แต่รักษา ด้วยการใช้ยาตามตำราที่บรรพบุรุษสั่งสอนกันมา  ในรัชสมัยของพระองค์เริ่มมีการเปิดกว้างทางความคิด  มีการรับเอาวิทยาการจากแพทย์ตะวันตกมากขึ้น และใช้แพทย์แผนไทยผสมผสานกับแพทย์แผนตะวันตก ทำให้การรักษาโรคภัยไข้เจ็บกว้างขวางขึ้น มีตำรับยาใหม่เกิดขึ้นหลายชนิด


มีชาวต่างชาติอีกคนที่เป็นที่รู้จักในรัชสมัยของพระองค์คือ คอนแสตนติน ฟอลคอน ซึ่งเป็นชาวกรีกที่มาเข้าเฝ้ารายงานเรื่องวิทยาการและความเจริญของโลกตะวันตก  จนได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นผู้แทนฝ่ายสยามในการเจรจาความเมืองกับฝรั่งเศส และได้รับพระราชทินนามว่า  ออกญาวิไชเยนต์ แต่ภายหลังกลับปรากฏว่าออกญาผู้นี้คิดคดทรยศต่อแผ่นดินสยาม วางแผนให้ฝรั่งเศสยึดครองสยาม จนพระเพทราชาจับได้ จึงนำตัวไปประหารชีวิตที่วัดซาก ข้างทะเลสาบชุบศร ในช่วงที่พระนารายณ์ทรงประชวรหนัก 


 
ในยุคของพระนารายณ์ ถือเป็นยุคทองของวรรณกรรม  มีกวีเกิดขึ้นหลายคนเช่นพระโหราธิบดี  และ ศรีปราชญ์ บุตรชาย รวมทั้งพระองค์เองก็ทรงกวีนิพนธ์วรรณกรรมไว้เช่นกัน  
 
 

เรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นมากมายในแผ่นดินของพระองค์  น่าจะถือได้ว่าเป็นยุคแห่งการเริ่มเปลี่ยนแปลงของสยามประเทศก็ว่าได้   และในระหว่างการครองแผ่นดินของพระองค์ ได้สร้างเมืองลพบุรีให้เป็นราชธานีแห่งที่ 2  เมื่อ พ.ศ. 2209  และสร้างพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์เป็นที่ประทับ



 
 
 
 
 
 
ในช่วงปลายรัชกาลของสมเด็จพระนารายณ์  ได้แต่งตั้งพระเพทราชา เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  ในขณะที่ประทับอยู่ลพบุรี ได้ทรงประชวรหนัก พระเพทราชาได้กำจัดพระปิย์ โอรสบุญธรรมของพระนารายณ์เสีย (พระนารายณ์ไม่มีโอรสกับพระมเหสี)  ครั้นเมื่อสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต บรรดาขุนนางจึงได้อัญเชิญพระเพทราชา ขึ้นครองราชย์ต่อไป และเป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ใหม่คือ บ้านพลูหลวง  และสิ้นสุดราชวงศ์ปราสาททอง
 
 
 
 
การจัดงานแผ่นดินนารายณ์ของ จ.ลพบุรี  ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้คนยุคปัจจุบันได้มีโอกาสรื้อฟื้นประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังอย่างมากมาย งานนี้จึงมีคุณค่าต่อการเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง 
 
 















 
 
 
 
 
ขอขอบคุณข้อมูลต่าง ๆ จากวังนารายณ์ จ.ลพบุรี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น