บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เตรียมตัว..เตรียมใจ..และใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข

ภาพแสงเหนือที่เกิดหลังมีพายุสุริยะ (ภาพจากไทยรัฐ)
          หากหลายท่านได้มีโอกาสติดตามข่าวสารขณะนี้ จะเห็นว่า นอกเหนือจากข่าวร้อนทางการเมืองเรื่อง ประมวล กม.อาญามาตรา 112 ที่โด่งดังกันสุด ๆ แล้ว มีเรื่องที่ hot แบบเงียบ ๆ นั่นคือข่าวสารเรื่อง "พายุสุริยะ" เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มค.55 มีสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า องค์การนาซ่าได้ออกแถลงการณ์เตือนชาวโลก  ให้เตรียมรับมือกับพายุสุริยะ ที่คาดว่าจะใหญ่ที่สุดในรอบ 7 ปี ในสัปดาห์นี้  หลังจากที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์เกิดแรงระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มค.55 ที่ผ่านมา โดยพายุดังกล่าวจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาสู่โลกด้วยความเร็ว 1,400 ไมล์ต่อวินาที  ส่งผลทำให้กระทบต่อระบบจีพีเอส สื่อสารการบิน ระบบวิทยุ ระบบดาวเทียม และระบบการสื่อสารอื่น ๆ บนโลก  อีกทั้งยังจะส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นได้ในบริเวณต่ำกว่าเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีให้เห็นได้ไมบ่อยนัก

          เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะผลกระทบจะเกิดขึ้นกับทุกคนบนโลกใบนี้  ทำให้ข้าพเจ้าต้องย้อนกลับไปหาหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 15มค.55 ที่ได้นำบทสัมภาษณ์ของ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น คนไทยที่ทำงานอยู่ในองค์การนาซ่า มาอ่านดูอีกครั้ง

          ดร.ก้องภพ อยู่เย็น เป็นวิศวกรด้านเทคโนโลยีไมโครเวฟ ขององค์การนาซ่า  เป็นเจ้าของรางวัลวิศวกรดีเด่นของนาซ่าประจำปี 2553-2554 บอกว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่หลายคนมองว่าเป็นภัยพิบัติ เป็นเรื่องที่สามารถคาดการณ์ได้  โดยใช้ข้อมูลจากการเก็บสถิติของปฏิกิริยาดวงอาทิตย์  นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงด้านขอบนอกของระบบสุริยะจักรวาลว่ามีปริมาณสูงขึ้น   ขอบระบบสุริยะจักรวาลมีความสว่างมากกว่าปกติ  มีข้อสรุปของนักวิทยาศาสตร์ว่า ระบบสุริยะกำลังโคจรเข้าหากลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ที่มีความหนาแน่นสูง  ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์ทุกดวงในระบบสุริยะจักรวาล  และพบว่ารังสีคอสมิค จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดไอน้ำในอากาศเร็วขึ้นและง่ายขึ้น ซึ่งต้นเหตุทั้งหมดคือ "พายุสุริยะ"

          ดร.ก้องภพ กล่าวว่า ปัจจุบันพายุสุริยะมีความรุนแรงมากขึ้น  เป็นการปล่อยพลังของดวงอาทิตย์ออกมาในรูปของพายุสุริยะที่เกิดขึ้นนอกโลก  มีมวลและความเร็วสูง  ทั้งยังมีประจุไฟฟ้าในพายุ  เมื่อพลังงานเหล่านี้เคลื่อนที่มายังโลก  โลกจึงเหมือนถูกไฟฟ้าช๊อตชั่วคราว  เกิดความแปรปรวนของสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดปฏิกิริยาเกี่ยวกับน้ำในอากาศ  ดังนั้นช่วงที่พายุสุริยะเข้ามากระทบโลก  จึงเกิดน้ำท่วมตามมา เช่นเมื่อปลายปี 2554  น้ำท่วมเป็นประวัติการณ์  ก็เกิดขึ้นหลังจากการระเบิดของดวงอาทิตย์เมื่อ 22 กย.54  กระทั่งพลังงานจากดวงอาทิตย์เข้ามากระทบโลกอีก 4 วันถัดมา  ส่งผลให้สนามแม่เหล็กโลกที่มีลักษณะเหมือนเปลือกหุ้มผลส้มเกิดรูโหว่

          ดร.ก้องภพกล่าวอีกว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดวงอาทิตย์มีปฏิกิริยารุนแรงมากที่สุด ในปีนี้ดวงอาทิตย์กำลังเข้าสู่วัฏจักรที่มีความรุนแรงมากขึ้น  มันเริ่มตั้งแต่ปี 2552 โลกเราผ่านไป 3 ปีแล้ว จุดสูงสุดจะอยู่ระหว่างปี 2012 - 2015 ปฏิกิริยาดวงอาทิตย์รุนแรง ปล่อยพายุสุริยะออกมามาก น้ำจะท่วมเยอะ ทั้งยังเกิดภัยธรรมชาติอื่น ๆ ด้วย  เช่นเรื่องของสภาพอากาศแปรปรวนฉับพลัน ระบบไฟฟ้าและดาวเทียมสื่อสารขัดข้อง  จากผลการศึกษาพบว่า ความถี่ของการเกิดพายุสุริยะ สัมพันธ์กับการเกิดแผ่นดินไหว หรือ ภูเขาไฟระเบิดด้วย  หรือการเกิดพายุลูกใหญ่ ๆ มักก่อตัวช่วงที่พายุสุริยะเคลื่อนตัวมายังโลก

          ข้าพเจ้าได้นำข่าวและบทสัมภาษณ์ของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว มาเล่าต่อกันฟัง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายไม่อาจจะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นนับจากนี้ได้  จำเป็นต้องเตรียมตัว เตรียมใจ ยอมรับ  และจะต้องเตรียมพร้อมที่จะเผฃิญกับมันอย่างมีสติ   ยังมีอีกหลายคนที่วิตกกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  หันไปพึ่งหมอดู หรือคำทำนายทายทักจากสำนักต่าง ๆ  ว่าโลกจะถึงกาลดับสิ้นใน ธค.55  แต่ไม่ว่าการทำนายทายทักจะเป็นอย่างไร  อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด  เพราะมันเกิดขึ้นตามเหตุผลทางวิทยาศาสตร์   ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงบนดวงอาทิตย์ได้ เท่าๆกับ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของชะตาชีวิตของแต่ละคนที่ถูกกำหนดมาแล้วได้ เพราะทุกชีวิตถูกกำหนดมาด้วยกรรม  คือกรรมดี  กรรมชั่วที่แต่ละคนได้กระทำไว้

          ฉะนั้นการเตรียมตัวอย่างมีสติ  นอกเหนือจากการจัดระบบทรัพย์สินของตนเองให้อยู่ในที่ซึ่งมีความปลอดภัยแล้ว นั่นคือสร้างกรรมดีอย่างต่อเนื่อง  และใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข บนความพอเพียงและความไม่ประมาท

          ขอให้ทุกท่านโชคดีนะคะ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น