บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ครบรอบ 1 ปี...แห่งวันระทึกใจในมหานครโตเกียว




ทางเข้าวัดอาซากุสะ ทุกคนหยุดนิ่งเมื่อมีแรงสั่นสะเทือน

วันนั้น....คือวันที่เกิดความระทึกใจที่สุดในชีวิตอ้อม
วันนั้น....คือวันที่อ้อม และเพื่อนอีก 3 คน เดินอยู่บนถนนสายหนึ่งในมหานครโตเกียว  บนถนนสายที่เล็กและแคบ   แต่คราคล่ำไปด้วยผู้คน ที่ต่างก็มีเป้าหมายไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์…….
ถนนสายนั้นคือเส้นทางเข้า..........วัดอาซากุสะ

อากาศวันนั้นกำลังเย็นสบาย  อ้อมและเพื่อนเดินอย่างเพลิดเพลิน .....เพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก  และสินค้าพื้นเมืองของญี่ปุ่น... 

พลันทุกคนยืนหยุดนิ่ง  ราวกับเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น  !
เด็กวัยรุ่นอย่างพวกเรา..คิดเหมือนกันว่า คงมีดาราดังมาปรากฏตัว.........
แต่แล้วปรากฏว่าไม่ใช่...
ทุกคนตกใจเมื่อพื้นที่ยืนอยู่ สั่นสะเทือนอย่างแรง...เหมือนยืนอยู่บนจานที่กำลังถูกเขย่า......
แผ่นดินไหว !  เพื่อนคนหนึ่งร้องขึ้น  และพลันทุกคนก็กอดกันกลม ด้วยความตกใจ ...

แต่ชั่วครู่เดียว   ทุกอย่างก็อยู่ในภาวะปกติ  คนญี่ปุ่นคงเคยชินกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ดูเหมือนพวกเขาจะสงบนิ่ง  และพยายามติดต่อสื่อสารกัน  เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา

ทุกคนเดินต่อเข้าไปในวัด  จุดธูปไหว้พระ และกำลังอธิษฐาน  แต่ยังไม่ทันจบ  ก็เกิดสั่นสะเทือนเหมือนเช่นที่เกิดสักครู่นี้อีก คราวนี้แรงขึ้นกว่าเดิม  เจ้าหน้าที่วัดไล่ทุกคนออกไปด้านนอก รวมทั้งพวกเราด้วย   เราจึงต้องไปยืนออกันที่เชิงบันได  มองขึ้นไปที่ยอดเจดีย์  เห็นว่าสั่นไหวจนน่ากลัว 

น่าจะไม่ดีแล้ว  เพราะสั่นนานมาก  พวกเรารีบเดินแกมวิ่งไปด้านหน้าวัด ตามคนอื่นๆ ที่เขาเดินกันไป  ผ่านหน้าร้านขายดาบ  เห็นดาบสั่นแกว่งไกว ราวกับมีคนจับแกว่ง  เจ้าของร้านไล่พวกเราให้ออกไปให้พ้น เพราะเกรงดาบจะล่วงหล่นใส่  …………

เหตุการณ์เริ่มชุลมุน  ร้านรวงต่างๆ เริ่มทะยอยไล่คนออกและปิดร้าน  เราเดินตามฝูงชนไปจนถึงร้านแมคโดนัล  ซึ่งเหลือเปิดอยู่เพียงร้านเดียว  มีผู้คนมากมายในร้าน  พวกเราทุกคนตัดสินใจหยุดพักที่ร้านแมคโดนัล  รวมตัวกันที่นี่แหละ ถึงอย่างไรก็อยู่กันหลายคน  ตายหมู่คงจะดีกว่า


ลูกค้าออกนอกร้าน มารวมกันบนถนน

ผู้คนวิ่งกันอย่างชุลมุนมากขึ้น  บ้างก็ออกมาอยู่ที่โล่ง  บ้างก็วิ่งกลับไปในซอกซอย  เป็นความโกลาหลที่อ้อมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในมหานครที่มีแต่ความสวยงามแห่งนี้  ในความสวยงาม มักจะมีความโหดร้ายแผงอยู่เสมอหรือ  มันน่ากลัวจริง ๆ เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและมืดครึ้ม ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน 

ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงิน

เราเริ่มติดต่อเพื่อนฝูง  ญาติพี่น้อง  แต่เจ้ากรรม  การสื่อสารทุกระบบล่มทั้งหมด  เราไม่สามารถติดต่อใครได้เลยแม้สักคนเดียว   !
Internet  ใช้ได้   !   เพื่อนคนหนึ่งตะโกนขึ้น
ติดต่อได้แล้ว !  ...... ติดต่อได้แล้ว  !   ...........เพื่อนคนหนึ่งส่งเสียงร้อง เมื่อสามารถส่งข้อความทาง Facebook  ได้ ทุกคนเฮโล   พิมพ์ข้อความส่งถึงเพื่อนบ้าง  ผู้ปกครองบ้าง   อย่างน้อยก็บอกให้พวกเขารู้ว่า เรายังมีชีวิตอยู่ และ ปลอดภัย

จนกระทั่งครู่ใหญ่เหตุการณ์จึงเริ่มสงบ  เราตัดสินใจที่จะกลับบ้าน  อย่างน้อยก็เป็นที่พักพิงที่พอจะมีความปลอดภัย   จึงรีบเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าชินจุกุ  แต่อนิจจาเจ้ากรรม รถไฟทุกขบวนหยุดวิ่งหมด   ผู้คนมหาศาลยืนรอคิวกันอยู่เป็นแถวคดเคี้ยวยาวเหยียด


เราหมดทางเลือกเสียแล้วเหลือเพียง..เดิน.....  เดิน ......  และ..เดิน..เท่านั้น   เรารีบเดินเพื่อให้ถึงที่พักให้เร็วที่สุด   ใช้เวลาเดินถึง 5 ชั่วโมงเต็ม   จึงถึงที่พัก  เป็นการเดินที่นานที่สุดในชีวิต  ตลอดข้างทางเห็นคนญี่ปุ่นซื้อสินค้ากันอย่างรีบเร่ง จนไม่เหลือถึงพวกเรา  ซุปเปอร์มาเก็ตบางแห่งเหลือแต่ชั้นว่างเปล่า  พวกเราไปได้ของกินเล็กน้อย และน้ำเพียงไม่กี่ขวด จากร้านค้าใกล้ที่พัก   เหตุการณ์ครั้งนี้หนักหนาจริง ๆ ...

แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเกิดขึ้นบ่อยมาก  ทุก ๆ วัน  นักข่าวจะรายงานเป็นตัววิ่งบนหน้าจอทีวี  ว่าเกิดที่ไหนบ้าง และขนาดกี่ริคเตอร์  จึงเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะเดินคู่กับชีวิตของคนญี่ปุ่น   แต่คราวนี้รุนแรงมาก  เพราะมีขนาดถึง 9 ริคเตอร์  และเกิดใกล้ชายฝั่ง  จึงเกิดคลื่นสึนามิที่มิยาหงิ  เซนได  พัดเอาสิ่งของและทรัพย์สิน รวมทั้ง ผู้คน  กวาดลงทะเล ราวกับเป็นของเล่น และในวันรุ่งขึ้น เราก็ทราบข่าวร้ายเพิ่มเติมว่า โรงงานนิวเคลียร์ที่ ฟูกูชิมะ เกิดระเบิดขึ้น  มันช่างเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ


วันที่ 11 มีค.54  จึงเป็นวันที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์  และต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน  ถึงความเสียหายมหาศาลที่ธรรมชาติมอบให้ชาวญี่ปุ่น 
บัดนี้ใกล้จะครบ 1 ปีแล้ว  ภาพต่าง ๆ  ยังคงปรากฎชัดในความทรงจำ พวกเราโชคดีที่มีโอกาสกลับเมืองไทย แต่คนญี่ปุ่นที่ประสพเคราะห์กรรม  แม้จะได้รับการเยียวยาอย่างไร  ก็ไม่อาจชดเชยความสูญเสียของพวกเขาได้...

เราได้แต่อธิษฐานขอให้พระคุ้มครองพวกเขา  อย่าได้ประสพเคราะห์กรรมอย่างหนักหนาสาหัสเช่นนี้อีกเลย..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น