บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

ความทรงจำใน...ประนอมหนี้







ข้าพเจ้ามีโอกาสเข้ามาทำงานประนอมหนี้เมื่อปี  ๒๕๒๐  ซึ่งขณะนั้นยังเป็นองค์กรเล็ก ๆ และใช้ชื่อว่า "สำนักประนอมหนี้"  ด้วยการชักชวนของพี่จงกลณี วงศ์ขจร พี่ที่สาขาราชวงศ์ที่ข้าพเจ้านับถือมากคนหนึ่ง ซึ่งเฝ้ามองดูพฤติกรรมการทำงานของข้าพเจ้าและเห็นว่ามีศักยภาพมากกว่าที่จะทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตามที่ทำอยู่ จึงช่วยวิ่งเต้นโยกย้ายให้มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ  พี่ขจร วงศ์ขจร  ผู้เป็นสามีซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าส่วนในสำนักประนอมหนี้  พี่ขจร วงศ์ขจร จึงเป็นครูคนแรกที่สอนงานประนอมหนี้ให้ข้าพเจ้า 
 
 

การได้ย้ายมาอยู่ที่สำนักประนอมหนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากมาย เมื่อเทียบกับอยู่ที่สาขาราชวงศ์ ซึ่งเป็นเสมือนน้องเล็กของพี่ ๆ  เหตุที่รู้สึกเช่นนั้นเพราะสภาพของงานซึ่งเราจำเป็นต้องอ่านเรื่องราวของลูกหนี้ ทำให้เห็นถึงความหลากหลายของชีวิต ต่างรูปแบบ  ต่างหนทาง ต่างฐานะ แต่เมื่อผิดพลาดล้มเหลวก็มีสภาพเช่นเดียวกัน และมาอยู่ในมือของเรา งานประนอมหนี้ มิใช่งานยาก หลักสำคัญคือต้องรู้พื้นฐานของหนี้ รู้สาเหตุที่หนี้มีปัญหา และหาทางแก้ไข ซึ่งขณะนั้นให้ยึดเรื่องการเจรจาประนีประนอมเป็นเบื้องต้น เมื่อไม่ได้ผลจึงค่อยใช้กฏหมายเข้าบังคับ สำนักประนอมหนี้ซึ่งถือกำเนิดโดยท่านบุญชู  โรจนเสถียร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้น ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นให้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลหนี้เป็นการเฉพาะเพื่อแยกความรับผิดชอบออกมาจากผู้ปล่อยสินเชื่อ สำนักประนอมหนี้จึงเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องหนี้อย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมาจนปัจจุบัน



การเข้ามาทำงานที่สำนักประนอมหนี้ ทำให้เริ่มเรียนรู้คนอย่างจริงจัง เริ่มสัมผัสถึงปัญหาขององค์กร  ปัญหาเรื่องงาน   ปัญหาเรื่องคน ซึงดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างปัญหาจุกจิกทั้งหลายทั้งปวง เริ่มมองเห็นคนสุจริต คนทุจริต คนหน้าไหว้หลังหลอก คนดีแต่พูด และคนพูดไร้สาระ คนชอบสร้างปัญหา  มีให้เห็นทั้งหมดในสำนักประนอมหนี้ข้าพเจ้าได้ยินคนเก่าแก่บางคนพูดว่า "ที่นั่นเสือสิงห์กระทิงแรด"



แต่ก็เป็นการดีที่มีโอกาสเข้ามาอยู่ในชุมชนนี้ เพราะสามารถฝึกชีวิตให้แข็งแกร่งได้มากทีเดียว ฝึกให้อดทน และที่สำคัญที่สุดคือฝึกให้เป็นคนนิ่งรับฟังปัญหา  การนิ่งทำให้มีโอกาสคิดก่อนพูด ดีกว่าการพูดเจื้อยแจ้วด้วยอารมณ์ความรู้สึกทันทีเป็นไหนๆ  พฤติกรรมเช่นนี้ติดตัวข้าพเจ้ามาจนเกษียณจากงานธนาคาร



ที่สำนักประนอมหนี้ขณะนั้น  ข้าพเจ้าถูกฝึกให้เรียนรู้งานด้วยการอ่านและบันทึก ข้าพเจ้าต้องอ่านแฟ้มลูกหนี้ทุกรายในสายงานที่ได้รับผิดชอบซึ่งขณะนั้นจะเป็นหนี้มีปัญหาในโซนรอบ ๆ กทม. เช่นนครปฐม กำแพงแสน ฯลฯ ลูกหนี้โซนนี้ส่วนใหญ่ทำไร่อ้อย และทำการเกษตรอื่นๆ เช่นฟาร์มเป็ด ไก่ สุกร ลูกหนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นคนพื้นบ้านที่น่าเห็นใจ และสาเหตุหนี้เสียส่วนใหญ่มักจะเกิดจากโรคระบาดบ้าง ความแห้งแล้งตามฤดูกาลซึ่งส่งผลกระทบถึงการดำเนินชีวิตของสัตว์บ้าง  มีจำนวนน้อยมากที่เกิดจากการจงใจทุจริตของลูกหนี้  สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงสังคมไทยในอดีตได้อย่างชัดเจน คนส่วนใหญ่ตั้งใจทำมาหากินอย่างสุจริต  ไม่มีการวางแผนใดซับซ้อน  ไม่เตรียมการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  นั่นก็คือไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงไว้ล่วงหน้านั่นเอง



ลูกหนี้ขณะนั้นกลัวการถูกดำเนินคดี พอออกหนังสือเชิญพบก็มักจะมาตามนัดทุกครั้งไป เราก็จะเจรจาและให้ทำข้อตกลงไว้ทุกครั้งเช่นกัน บางครั้งก็เป็นผลคือลูกหนี้ผ่อนชำระได้ บางครั้งก็ไม่เป็นผล คือผ่อนชำระไม่ได้ ลูกหนี้บางคนตั้งใจชำระแต่เงินทองก็ไม่อำนวย  ข้าพเจ้าเคยเจรจากับลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการแต่ทำไร่อ้อยด้วยเพราะเป็นอาชีพดั้งเดิม เงินเดือนทั้งเดือนเหลือผ่อนชำระได้เพียง ๕๐๐.- บาท ยังไม่พอชำระดอกเบี้ยรายเดือนเลย แต่นโยบายขณะนั้นก็รับไว้เพราะถือว่าลูกหนี้มีความตั้งใจจริง  ไม่เหมือนปัจจุบันที่จะให้ปฏิเสธลูกหนี้ไปเลยเพราะถือว่าแก้ปัญหาไม่จบ มุมมองในนโยบายของเดิมกับปััจจุบันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในอดีตนั้นค่อนข้างจะยึดเรื่องคุณธรรมอยู่มาก



หน้าที่ของสำนักประนอมหนี้ขณะนั้น คือมุ่งเจรจาแก้ไขปัญหาให้ยุติ หากไม่ได้ผลก็ค่อยดำเนินคดี บังคับคดีเอาทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาด  แนวการบริหารงานของสำนักประนอมหนี้ขณะนั้นก็คือทุกแนวทางยุติหนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการซึ่งขณะนั้นมี ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย เป็นประธานกรรมการ ทุกเรื่องทุกราย เจ้าหน้าที่ประนอมหนี้จะต้องเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาและมีคำสั่ง ฉะนั้นแต่ละเรื่องราวจะมีการให้ความเห็นประกอบการวินิจฉัยกันอย่างกว้างขวาง ผิดกับปัจจุบันซึ่งใช้อำนาจเฉพาะตัว ตัดสินใจด้วยเหตุผลเฉพาะตัว ย่อมไม่ครอบคลุมเท่ากับหลายๆ ความเห็น  แต่อย่างไรก็ตาม วันเวลาเปลี่ยนไป  ปริมาณหนี้เปลี่ยนไป  ก็ย่อมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา



เจ้าหน้าที่ประนอมหนี้ในขณะนั้น รับผิดชอบหนี้ไม่เกิน ๕๐ ราย/คน  จึงสามารถจำข้อมูลลูกหนี้ได้ครบถ้วนทุกราย แม้จะไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยก็ไม่มีปัญหาใด  ปัจจุบันรับพอร์ทคนละ ๓๐๐-๕๐๐ ราย มีคอมพิวเตอร์ช่วย มีระบบช่วยแต่ก็ยังไม่วายตกหล่นอยู่หลายเรื่อง  เรื่องนี้หากมองให้ลึกอาจจะมิได้อยู่ที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ประนอมหนี้เพียงอย่างเดียว เพราะเนื้อหาของหนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เวลาในการอ่านมากขึ้น การเก็บข้อมูลนานขึ้น เวลาจึงไม่เพียงพอ การแก้ปัญหาโดยให้เจ้าหน้าอาวุโสรับผิดชอบมากขึ้น บางครั้งก็อาจจะไม่ถูกทางนัก เพราะบางเรื่องมันขึ้นอยู่กับประสพการณ์และไหวพริบ และไหวพริบไม่เกี่ยวกับอาวุโส

 
 
สำนักประนอมหนี้ในอดีต แม้จะมีเจ้าหน้าที่น้อยคน แต่ลักษณะงานจะครอบคลุมทุกด้าน  นับตั้งแต่เมื่อหนี้เริ่มโอนเข้ามาอยู่ใน port  ก็ต้องศึกษาประวัติและสรุปข้อมูลพื้นฐานไว้  แล้วก็ออกติดตามทุกราย หาทางเจรจาประนอมหนี้กัน  หากไม่เป็นผลก็ส่งเรื่องให้ทนายความดำเนินคดี  แล้วคอยติดตามผลการดำเนินคดีของทนายความ  เรื่องการติดตามคดีจากทนายความก็น่าจดจำ  สมัยนั้นปริมาณหนี้มีน้อยราย  การดำเนินคดีกับหนี้ทุกรายจะต้องส่งให้ฝ่ายกฏหมายของธนาคารเท่านั้น และฝ่ายกฏหมายนี่แหละที่เป็นตัวปัญหาของความล่าช้า ฝ่ายกฏหมายขณะนั้นเป็นดินแดนลับแลที่ไม่มีใครเข้าถึง ฉะนั้นเรื่องจะกำกับ ให้มีความคืบหน้าลืมไปเสียเถิด แค่ติดตามก็ยังแสนยากยิ่งกว่าตามหนี้เสียอีก  พฤติกรรมของฝ่ายกฏหมายปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างหน้ามีอเป็นหลังมือ  กลายเป็นฝ่ายกฏหมายที่ทุกคนเข้าถึงอย่างง่ายดาย อำนวยความสดวกให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารทุกคน ทุกหน่วยงานที่ต้องการปรึกษาข้อกฏหมายอย่างแท้จริง  เรื่องนี้ต้องขอชื่นชมคุณศรศักดิ์ สีมานนทปริญญาและคุณสงคราม สกุลพราหมณ์ เป็นอย่างมาก



เรื่องการออกติดตามหนี้ที่สาขาต่างจังหวัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จดจำได้ไม่เคยลืม ข้าพเจ้าเคยออกติดตามหนี้ในไร่อ้อยที่สูงมิดหัวที่อำเภอกำแพงแสน  เรียกว่าเข้าไปแล้วไม่คุ้นทางก็หลงแน่นอน  น่ากลัวมากเพราะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นอ้อย  เข้าไปอยู่ในดงอ้อย ต้องกัดฟันทำใจให้กล้าไว้  แต่เมื่อไปพบลูกหนี้เข้า ก็เกิดความเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง  คนที่เป็นเกษตรกรนี่เป็นพวกหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอย่างแท้จริง  แต่ก็เป็นอาชีพดั้งเดิมของเขาที่ทำกันมาช้านานตั้งแต่บรรพบุรุษ ลูกหนี้ประเภทนี้ไม่เคยร่ำรวย ความร่ำรวยจะไปอยู่ที่หัวหน้าโควต้าเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้เกษตรกรค่อนข้างจะได้รับการผ่อนปรนจากธนาคารมากอยู่ไม่น้อย  และมีจำนวนไม่น้อยที่ธนาคารต้องจำหน่ายเป็นหนี้สูญและระงับการติดตาม เพราะสภาพของลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้คืนธนาคารได้โดยสิ้นเชิง ธนาคารได้รับความเสียหายจากหนี้กลุ่มนี้ไม่น้อยทีเดียวในแต่ละปี   การออกติดตามหนี้แต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะเจอแต่ลูกหนี้ที่น่าเห็นใจเสียทุกครั้งไป บางครั้งไปพบลูกหนี้ที่เป็นนักเลงอันธพาลก็มี  นอกจากพรุสวาสไม่ยอมชำระหนี้แล้วยังข่มขู่เจ้าหน้าที่ธนาคารอีกด้วย   การพบปะลูกหนี้เช่นนี้ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มเห็นความสำคัญของการประกันชีวิต  และเริ่มทำประกันชีวิตนับแต่นั้นเป็นต้นมา



เมื่อปริมาณหนี้เพิ่มมากขึ้น สำนักประนอมหนี้ก็เริ่มมีปัญหาดินพอกหางหมู ทำงานเท่าไรก็ไม่ทัน  หนี้เพิ่มขึ้นเกินพิกัดที่จะรับไหว   ธนาคารจึงปรับเปลี่ยนองค์กรแยกความรับผิดชอบระหว่างลูกหนี้ของสาขานครหลวง กับ สาขาต่างจังหวัดออกจากกัน แบ่งความรับผิดชอบการดูแลกันตามภูมิภาค ชื่อองค์กรจึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายประนอมหนี้นครหลวง และ ฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัด นับแต่นั้นมาจนปัจจุบันโดยข้าพเจ้าเองดูแลงานด้านต่างจังหวัด และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าบริหารของฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัด



การทำงานในสายงานต่างจังหวัด จะมีปัญหาน้อยกว่าสายงานนครหลวง ความซับซ้อนของหนี้ก็มีน้อยกว่ากันเป็นอันมาก  แต่ทุกครั้งที่เกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติสงครามอีรัค หรือวิกฤตค่าเงินบาท หนี้ก็จะหลั่งไหลเข้ามาเป็นสายฝน แม้ก่อนการโอนหนี้ให้ฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัดจะกำหนดให้ภาคต้นสังกัดติดตามแก้ไขก่อนทุกราย และควบคุมด้วยการวัดผลงานการแก้ไข  ก็มีเรื่องที่ชวนให้ปวดหัวว่าด้วยสงครามแย่งชิงผลงานกันระหว่างภาคต้นสังกัดกับฝ่ายประนอมหนี้อยู่เนืองๆ   และฝ่ายประนอมหนี้มักจะเป็นจำเลยลับหลังอยู่เสมอๆ ผู้จัดการภาคต่างจังหวัดทุกคน แทบจะไม่ต่างกัน มุ่งเอาผลงานมากกว่าความถูกต้อง เมื่อจะเอาผลงานแล้ว แม้เป็นเพียงผักชีโรยหน้าก็ยอมขายผ้าเอาหน้ารอดไปเดือนๆ  มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่บนเส้นตรง และเป็นที่น่าเคารพนับถือยิ่งนัก  คือท่านผู้จัดการเชาวลิต  สังขะวัฒนะ  ผู้เดียวในสายงานต่างจังหวัด 



แต่แม้จะมีปัญหามากมาย ก็ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ การทำงานทุกแห่งย่อมมีปัญหาทั้งนั้น เขาถึงให้เรามาแก้ปัญหา  เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงสำหรับข้าพเจ้า ก็คือการบริหารงานในฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัด แม้จะเหนื่อยยากหนักหนาสาหัสเพียงใด  แต่ก็มีความสุข  เป็นความสุขที่เกิดจากความร่วมมือของผู้ใต้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานจะมีก็เพียงบางคนที่คอยขวางลำ แต่ความสงบย่อมสยบความเคลื่อนไหวได้  งานมากมาย ยากเย็นแสนเข็ญก็ผ่านพ้นสำเร็จลุล่วง โดยเฉพาะช่วงที่มีการจัดมหกรรมขายทอดตลาด ที่เรียกว่าหนักหนาสาหัสมาก ที่จะต้องทำทุกอย่าง นับตั้งแต่หาสำนวนที่จะมาขาย  ถ่ายภาพทรัพย์ที่จะขาย  นำภาพถ่ายมาทำหนังสือเพื่อประชาสัมพันธ์การขาย  ตรวจ proof จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ก่อนส่งโรงพิมพ์  เตรียมสรุปข้อมูลราคาเพื่อพิจารณากำหนดราคาขาย  วางแผนออก  presale  และอื่นๆอีกมากมาย  ทำกันแทบจะไม่ไหวจนต้องรับพนักงานใหม่มาช่วย ข้าพเจ้าจำได้ว่าน้อง ๆ  ในสายงานอยู่ช่วยกันจนดึกดื่นทุกคืน  และมีพนักงานใหม่คนหนึ่งชื่อ นายเอกอัคร  ดีประดิษฐ์  อยู่ช่วยงานถึงตี ๓  ในบางวัน ข้าพเจ้ายังจดจำถึงน้ำใจของพวกเขาอยู่จนบัดนี้  ความร่วมมือของเพื่อนร่วมงานเช่นนี้ยากที่จะเห็นในฝ่ายไหนๆ ของธนาคาร   แต่มีให้เห็นที่ฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัด แล้วจะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร



ข้าพเจ้าเข้าทำงานธนาคารครั้งแรกอยู่ที่สาขาราชวงศ์ซึ่งเป็นสาขาแห่งแรกของธนาคาร มีคุณเจน ศิริวงศ์เป็นผู้จัดการสาขา การบริหารงานของคุณเจน ยึดหลักการบริหารแบบครอบครัว ใช้คุณธรรมในการบริหาร พนักงานทุกคนเหมือนดังเป็นพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน  เน้นให้ทุกคนรักกัน  ช่วยเหลือกัน  ทุกคนเรียกผู้จัดการเจนว่า อาปา ซึ่งแปลว่าพ่อ  การอยู่ที่สาชาราชวงศ์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผูกพันกับธนาคารอย่างฝังลึก และทำให้ทุ่มเทกับงานธนาคารอย่างมากในเวลาต่อมา  จากการบริหารงานลักษณะครอบครัวที่สัมผัสมาจากสาขาราชวงศ์  เป็นเหมือนเบ้าหลอมข้าพเจ้าและได้นำมาใช้เมื่อเป็นผู้บริหารของฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัด  ข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างจากที่ข้าพเจ้าเคยรู้สึกในขณะนั้น  เป็นความสุขหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับในชีวิตการทำงาน



งานอันหนักยิ่งก่อนที่จะเกษียณจากธนาคาร เกิดขึ้นเมื่อมีการประกาศใช้  พรบ.ข้อมูลเครดิต  ซึ่งสถาบันการเงินจะต้องส่งข้อมูลของลูกหนี้ให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต และปรากฏความจริงว่าข้อมูลที่มีอยู่ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกธนาคารก็เป็นเหมือนๆกัน ภาระงานอันยิ่งใหญ่ของพวกเราก็คือต้องทำข้อมูลลูกหนี้ให้เกิดความถูกต้องก่อนที่จะส่งข้อมูลให้กับบริษัทข้อมูลเครดิต เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว  หนี้ทั้งหมดที่รับผิดชอบเกือบ ๓ หมื่นรายจะทำอย่างไรให้เสร็จภายในเวลาที่จำกัด  เรื่องนี้อลหม่านกันไม่น้อย  มีการประชุมกันแทบจะถี่ยิบ  ทั้งกำหนดวิธีการ  ปรับเปลี่ยนวิธีการ  เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกนับครั้งไม่ถ้วน  จนในที่สุดก็ได้รับความร่วมมือจากน้องๆเพื่อนร่วมงาน ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหมดไปได้   ทุกรายเสร็จสิ้นในเดือน ธันวาคม ๒๕๕๔  ข้าพเจ้าก็เกษียณพอดี



เมื่อคิดถึงชีวิตการทำงานในธนาคารกรุงเทพ  ข้าพเจ้ามักจะนั่งยิ้มด้วยความสุขทุกครั้งไป   นับตั้งแต่วันเริ่มต้น จนถึงวันสุดท้ายของการทำงานที่ได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้บังคับบัญชาในวันอำลา 



1 ความคิดเห็น:

  1. ยังคงระลึกถึง และพยายามปฏิบัติตามคำสอนที่พี่ให้ไว้เสมอค่ะ

    ขอบคุณพี่แอนมากมายค่ะ ที่ให้โอกาสหญิงได้ร่วมทำงานกับพี่อยู่หลายปี ขอบคุณในทุกๆคำสอน ที่จะไม่มีวันลบเลือนไปจากจิตใจค่ะ

    (^/\^)

    ตอบลบ