บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ป้า..ป้า on tour




นับตั้งแต่เกษียนมา ฉันยังไม่เคยได้อยู่ว่างเลยสักเดือนเดียว เพราะสมาชิกในกลุ่มที่กระเหี้ยนกระหือรือในเรื่องเที่ยวกันสุด ๆ จัดโปรแกรมต่อเนื่องอย่างไม่ว่างเว้น  โปรแกรมเดือน พฤษภาคม 2555 เรามีกำหนดลงใต้  โดยได้รับการอนุเคราะห์จากน้อง ๆ ที่สำนักธุรกิจนครศรีธรรมราชและถนนชนเกษม   น้องไก่  ไพศาล และ เชิดศักดิ์  ช่วยเป็นธุระจัดโปรแกรมให้อย่างสวยหรู คงหวังจะให้พี่ ๆ  เที่ยวกันให้สนุกสุดเหวี่ยง   แต่น้องเอ๋ย  มันไม่เป็นอย่างที่คิดเลย

เพราะมีจุดทดสอบที่ทำให้พวกเราเกิดความชะงักนั่นก็คือ  ..ข่าวแผ่นดินไหวที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อ 17 เมษายน 2555  โดยมีจุดศูนย์กลางที่ อ.ถลาง  วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 3.2 ริกเตอร์  ตึกหลายแห่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหว จนประชาชนพากันออกจากตึกไปอยู่ที่โล่ง ......ข่าวนี้สร้างความกังวลต่อบรรดาหญิงชรากลุ่มนี้ไม่น้อยเลย  มีเสียงรำพึงด้วยความกังวลจากหลายคนว่าจะเอาไงกันดี

แต่ในที่สุดเราก็เดินทางกันไปอย่างเสียไม่ได้และไม่มีจุดหมายใดแน่นอน  เราเดินทางไปลงที่สนามบินตรังซึ่งเป็นเมืองของ อดีตนายกท่านชวน หลีกภัย  ตัดสินใจพากันไปคารวะท่านในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และถือโอกาสเยี่ยมเยือนพี่ระลึก หลีกภัย น้องชายท่านซึ่งเป็นรุ่นพี่คณะของพวกเรา  แต่เมื่อไปถึงบ้าน  เราไม่ได้พบทั้ง 2 ท่าน จึงได้ลงนามในสมุดเยี่ยม และถ่ายรูปในบ้านพักท่านเป็นที่ระลึกกันพอประมาณ  ก่อนกลับออกมา เราโชคดีที่มีโอกาสได้โทรคุยกับพี่ระลึก  และในที่สุดก็ได้รับการชักชวนให้ไปพบกันหน่อย พี่แกคิดถึงและอยากเห็นหน้าพวกเรา  ไอ้พวกนี้มันแก่กันแค่ไหนแล้ว...



สายใยแห่งความผูกพันของรุ่นพี่  รุ่นน้อง  ทำให้พวกเราตัดสินใจในทันทีว่า..........  ต้องไปพบพี่เขา  !

พี่อยู่ไหน ?  สอบถามเพื่อความแน่ใจ .
บ่อทราย ! !!!!!!!!

เอาละวา คราวนี้เริ่มสนุกแล้ว !  ฉันพอจะเดาออกถึงเส้นทางไปบ่อทราย มันไม่น่าจะต่างอะไรจากการเดินทางไปสำรวจทรัพย์เพื่อนำออกขายทอดตลาด  อันเป็นงานหลักเดิมของฉัน   และมั่นใจว่าในบรรดาเพื่อนชราที่ไปด้วยทั้งหมด ไม่มีใครคุ้นเคยกับการเดินทางอย่างสมบุกสมบันอย่างเส้นทางที่เรากำลังจะไปแน่นอน  รถตู้ที่เช่าไว้ใช้ พาเราไปบนถนนเส้นเล็กๆ ที่แคบและคดเคี้ยว สองข้างทางเต็มไปด้วยสวนปาล์มบ้าง สวนยางบ้าง น่ากลัวไม่น้อย ประมาณ 10 กม.เศษในที่สุดก็ไปถึงบ่อทรายนั้น...






พวกเราพบพี่ระลึกที่นั่น  ภาพแรกที่เห็นคือ   ชายร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อยืดสีฟ้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ  สวมหมวกสาน มีเชือกมัดที่ปลายคาง  กำลังยืนสั่งการ เจรจากับคนโน้น คนนี้........ภาพที่เห็นนั้นไม่ต่างกับ พี่ระลึก ในอดีตตอนที่ออกค่ายอาสาสมัคร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็น ผอค.ค่ายอาสาสมัคร ที่เดินไปโน่นไปนี่เพื่อสั่งการคนโน้นคนนี้ ภาพนี้คือภาพแห่งอดีตโดยแท้  ภาพที่พี่ทำเป็นตัวอย่างให้น้อง ๆ เห็นถึงความเป็นคนหนักเอาเบาสู้   และเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม....ทำให้เราอดหวนคิดถึงชีวิตค่าย...และคิดถึงกลอนบทหนึ่งที่พี่เขาประพันธ์ไว้ไม่ได้

                                                          ค่ายที่เห็นเป็นค่าย...ในวันนี้
                                                          เพราะเพื่อนพี่น้องร่วม..รวมจิตมั่น
                                                          ยึดศรัทธาอุดมการณ์..งานสำคัญ
                                                          เพื่อฝ่าฟันมั่นมุ่ง....ผดุงไทย

เข้าใจว่าการแต่งกลอนบทนี้ก็เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่น้อง ๆ  ที่เสียสละเวลาช่วงปิดเทอมมาทำงานค่ายอาสา แทนที่จะไปท่องเที่ยวเพื่อความสุขส่วนตัว  พวกเรารู้สึกเหมือนเดินทางไปเข้าค่ายอาสาสมัครอีกครั้งหนึ่งจริง ๆ   พี่เขาแสดงความดีใจที่เห็นพวกเรา แม้สังขารพวกเราจะเปลี่ยนไปมากอยู่ แต่ก็คงยังมีเค้าเดิมอยู่บ้าง  จึงยังพอจำได้ในบางคน .............

คุณแมว ทิพาพรรณ แตงน้อย แห่งกสิกรไทย  คือคนแรกที่จำได้  ด้วยเคยทำงานที่เดียวกันมาก่อน อีกทั้งเคยไปมาหาสู่กันตอนอยู่อเมริกา และยิ่งไปกว่านั้นคุณแมวในอดีตตอนเป็นนิสิต เธอมีท่าขี่จักรยานที่ไม่ซ้ำแบบใคร หน้าเชิด ไหล่ตั้ง  ผมหน้าม้าปลิวไสวตามแรงลม เป็นภาพที่น่ารักอยู่ไม่น้อยทีเดียว จึงเป็นที่ฝังใจของบรรดาพี่ ๆ ทั้งหลาย

คนที่สอง คือคุณแวนด้า จงวัฒนา แห่งการบินไทย  สมัยเป็นนิสิต แวนด้าเป็นดาวรุ่งที่ไม่มีใครไม่รู้จัก  ความโดดเด่นนอกจากจะอยู่ที่หน้าตาที่ออกแนวฝรั่งแล้ว การแต่งกายที่ทันสมัยเป๊ะ จึงเป็นที่สดุดตาของพี่ ๆ ซึ่งคอยเฝ้าดูพฤติกรรมของพวกเราซึ่งเป็นรุ่นน้องโดยเฉพาะแวนด้ามี "กระโปรงสีดำตัวนั้น" ที่ทำให้รุ่นพี่หลายคนฝังใจ

คนสุดท้ายที่จำได้ คือตัวเรา ซึ่งเป็นน้องค่ายผู้หลงไหลในอุดมการณ์ของพี่เขานั่นแหละ  ไม่มีสิ่งอื่นใดสดุดตาเลย แต่ก็ภูมิใจเป็นยิ่งนักที่พี่ระลึกยังจำได้ว่าส่ง  แอน..นวล..อ๊อด..ไปทำงานที่ค่ายอุดร

เราคุยกันถึงความหลังครั้งอดีตในรั้วนนทรี  ไม่ว่าจะกี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความสุขใจทั้งสิ้น จนเวลาผ่านไปพอสมควร จึงต้องอำลามาด้วยความอาวรณ์  พกเอาความภูมิใจในตัวพี่เก็บในความทรงจำ  และไม่ปฏิเสธการรับเลี้ยงในมื้อเย็นด้วยความเต็มใจ  แม้ภาพที่เห็นในตอนเย็น จะเปลี่ยนเป็นภาพของเสี่ยใหญ่คนหนึ่งก็ตาม



นี่คือโปรแกรมที่ยิ่งใหญ่ที่จังหวัดตรัง คืนนั้นเราพักค้างที่โรงแรมธรรมรินทร์ธนา  โรงแรมเก่าที่อยู่ใจกลางเมือง สดวกสบาย อาหารอร่อยหลายอย่าง ในห้องพักสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของเมืองตรังได้อย่างชัดเจน




การท่องเที่ยวของเหล่าหญิงชราเช่นพวกเรา  โปรแกรมที่ไม่เคยพลาดคือการนวด ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่พ้นต้องไปนอนนวดที่นั่น  ทริปครั้งนี้ก็เช่นกัน เห็นภาพแล้วคงไม่ต้องบรรยาย ว่าแต่ละคนเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขขนาดไหน



ในวันรุ่งขึ้นเราตื่นกันแต่เช้า เพื่อออกเดินทางไปภูเก็ต   และไม่ลืมที่จะแวะกินขนมจีนไก่ทอดร้านโกจ้อย ที่ตำบลเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ตามคำแนะนำของคุณวินิจสามีคุณแมวว่า ต้องแวะกินให้ได้ ไม่เช่นนั้น ไม่ถือว่าถึงกระบี่ มีหรือที่เราจะไม่เชื่อฟังและก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ     






อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อ ถึงภูเก็ตก็บ่ายโขแล้ว  ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองหลายแห่ง จึงเป็นเรื่องที่เราต้องไปเคารพสักการะให้ได้มากที่สุด  แต่ก็ไปได้เพียงบางจุดเท่านั้น












คืนนั้นเราพักค้างที่สิโนเฮ้าส์ โรงแรมเล็ก ๆ กลางเมือง และทานมื้อเย็นที่ร้านระย้าของเพื่อนก๊อง  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ความประทับใจที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 แห่ง คือสถานที่ ๆ ออกแนวโบราณ  ที่สิโนเฮ้าส์ เป็นสไตล์ชิโนโปรตุกิส และที่ร้านระย้าเป็นร้านที่ออกแนวภูเก็ตยุคเก่า  เมืองนี้เคยรุ่งเรืองมาแต่อดีตในเรื่องการทำเหมืองแร่ ทำให้ชนต่างชาติทั้งจีน และยุโรปต่างเข้ามาแสวงโชคกันมาก   การสร้างที่อยู่อาศัยและทำการค้าจึงมีทั้งสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออกผสมผสานกันอย่างกลมกลืนและสวยงาม

 













ที่สิโนเฮ้าส์ นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามให้เราชมแล้ว  เขาจัดให้เราทานอาหารเช้าบนดาดฟ้าของโรงแรม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ในมุมสูง  ดูสวยงามและสดชื่น



เราออกเดินทางจากภูเก็ตไปสุราษฎร์ โดยใช้เส้นทางผ่านเขาหลักเพื่อหวังชมภูมิสภาพหลังสึนามิ แวะถ่ายรูปกับเรือลำที่ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นบนฝั่ง อนุสาวรีย์แห่งความสูญเสียในอดีต




ด้านหลังไกลๆ คือเรือที่ถูกซัดขึ้นฝั่ง
เราไปถึงเขื่อนเชี่ยวหลานก็เย็นแล้ว  มีโอกาสชมพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บรรยากาศในเขื่อนสวยงามสุดซึ้งเกินจะบรรยายจริง ๆ  และเช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ออกล่องเรือกัน




 










ปิดท้ายทริปครั้งนี้ ด้วยการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พระธาตุไชยา  และที่สวนโมกข์ไชยาเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดสิ่งดี ๆ ในชีวิตต่อไป




ชีวิตคนวัยหลังเกษียณ ที่ผ่านการตรากตรำงานหนักมายาวนาน คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การหาความสุขสงบ และสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต กับเพื่อนสนิทที่คิดดี และหวังดีต่อกัน ............. ทุก ๆ คนได้รับความสุขกันโดยถ้วนหน้าในครั้งนี้................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น