บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วันสบาย สบาย ในฮอกไกโด






ครอบครัวเรามีโอกาสไปเที่ยวฮอกไกโดเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วัตถุประสงค์การไปครั้งนี้คือการเยี่ยมเยียนลูกสาวที่ไปทำงานอยู่ที่ซับโปโรมาตั้งแต่ต้นปีเราจึงวางแผนเที่ยวสบายๆแบบ family trip ด้วยการเช่ารถขับไปเรื่อยๆ  และกำหนดตารางท่องเที่ยวแบบชิวๆ  



ฮอกไกโดเป็นเกาะที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาวจะหนาวมาก บางช่วงอุณหภูมิต่ำถึง -20 องศา ช่วงเดือน มกราคม - มีนาคม  หิมะจะปกคลุมทั่วทั้งเกาะจึงมีความสวยงามและเป็นความประทับใจของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมความหนาวเย็น  พอเดือนเมษายนหิมะก็ละลาย บ้านเมืองเข้าสู่สภาพปกติ ในเดือนพฤษภาคม ก็จะเริ่มเข้าสู่หน้าร้อน เป็นความโชคดีของเราที่ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ไปนั้นอากาศยังสบายๆอยู่ อุณหภูมิอยู่ที่ 8 - 18 องศา จึงมีโอกาสได้ชื่นชมความงามของธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลได้เห็นทั้งหิมะซึ่งยังไม่ละลาย และเห็นทั้งดอกไม้หลากชนิดที่เบ่งบานในพื้นที่ซึ่งหิมะละลายแล้ว ถูกใจและชอบมาก

  




จุดที่สร้างความประทับใจในวันแรกก็คือ Mt.Asahidake ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่ บริเวณเชิงเขายังมีหิมะที่ยังไม่ละลายอยู่โดยรอบ  เมือขึ้น ropeway ไปจนเกือบถึงยอดเขาจะเห็นหิมะที่ปกคลุมอยู่หนามาก  และมีscaleแสดงระดับความสูงของหิมะให้เห็น ในวันนั้นหิมะยังสูงถึง 3 เมตรเศษ เป็นบรรยากาศที่ประทับใจมาก  มีนักท่องเที่ยวบางคนมาเล่นสกีกันที่นี่  บริเวณเชิงเขามีรีสอร์ทที่พักให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่ด้วย



























Mt.Asahidake อยู่ในจังหวัด Asahikawa ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องราเม็ง อาหารยอดนิยมของคนญี่ปุ่นมีอยู่ย่านหนึ่งที่ทุกร้านขายราเม็งหมด ย่านนี้จึงถูกเรียกว่าเป็นหมู่บ้านราเม็ง  คนไทยที่มาเที่ยว Asahikawa ก็นิยมมาทานราเม็งกันที่นี่  ไม่ว่าจะเดินผ่านร้านไหนก็จะได้ยินแต่เสียงคนไทย ราเม็งที่นี่จะชามใหญ่มากเรียกว่าต้องกล้ำกลืนกันอยู่นานกว่าจะทานกันหมดชาม ไม่กล้าเหลือไว้เกรงจะขายหน้าเพราะถูกคนญี่ปุ่นตำหนิ






การเดินทางจาก Supporo มา Asahikawa  เราเลือกเส้นทางชนบทซึ่งจะผ่านย่านเกษตรกรรมสภาพจะคล้ายๆกับบ้านเรา   แตกต่างกันที่ญี่ปุ่นเขาจะไม่ยอมปล่อยที่ว่างเปล่าให้ไร้ประโยชน์  ไม่ว่าจะแปลงเล็กแปลงน้อยเขาก็จะปลูกดอกไม้กันหมด   เราจึงมีโอกาสได้เห็นทุ่งดอกไม้สวยๆ ตลอดทาง แม้แต่บ้านอยู่อาศัยเขาก็จะปลูกดอกไม้ไว้หน้าบ้านบ้าง ข้างบ้านบ้าง ทำให้บ้านดูสวยงามน่าอยู่  เรามีโอกาสได้ไปชมความงามของทุ่งนาโนฮานะสีเหลืองอร่ามที่เมือง Takikawa











Farm Tomita ที่เมือง Furano เป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีความสวยงามและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทย ฟาร์มแห่งนี้เป็นฟาร์มเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี คศ.1958 นับถึงปัจจุบันก็เกือบ 60 ปีแล้ว ที่นี่จะปลูกดอกไม้หลากหลายชนิด มีทั้งทิวลิป  ลาเวนเดอร์ พิงค์มอส  และดอกไม้อื่นอีกมากมาย ช่วงที่ดอกไม้บานเต็มที่จะสวยงามมาก  มีร้านขายของที่ระลึกที่จำหน่ายสินค้าหลายชนิดที่มีส่วนผสมของลาเวนเดอร์โดยเฉพาะไอสครีมลาเวนเดอร์ที่ฟาร์มโทมิตะนี้อร่อยมากๆ  
















ทุ่งพิงค์มอสที่ Takinoue  เป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีธรรมชาติที่สวยงามมาก เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ทั้งคนแก่  ทั้งเด็กเล็กเต็มไปหมด ดอกพิงค์มอสมีสีชมพูดอกเล็กๆจะขึ้นเต็มพื้นดินเนินเขาเตี้ยๆ สลับกับดอกซากุระที่บานเต็มที่โดยมีแบคกราวน์เป็นเทือกเขาน้ำแข็งที่มองเห็นอยู่ไกลๆธรรมชาติที่นี่มีความสวยงามมากทีเดียว










ไม่ไกลจาก Takinoue นัก  จะเป็นเมืองชายทะเลแห่งหนึ่งชื่อเมือง MOMBETSU  เมืองนี้อยู่ค่อนไปทิศเหนือมากใกล้กับรัสเซียที่สุด อากาศจะหนาวเย็นกว่าเมืองอื่นๆโดยเฉพาะบริเวณชายทะเลลมพัดแรงจนหนาวสะท้าน  เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารทะเลโดยเฉพาะปูยักษ์  สัญญลักษณ์ของเมืองนี้จึงเป็นก้ามปูขนาดใหญ่ ตั้งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ริมทะเล

















เราไปค้างคืนที่เมือง  Asahikawa  1 คืน เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ไม่คึกคักแต่ก็ไม่ถึงกับเงียบเหงา เป็นเมืองสงบที่น่าอยู่เมืองหนึ่ง สิ่งที่ประทับใจที่สุดในเมืองนี้ ก็คือ ทางม้าลายขนาดใหญ่มากๆ ที่อยู่หน้าโรงแรมที่เราพัก ใหญ่กว่าเมืองไทยสัก 3-4 เท่า นั่นหมายถึงการที่เขาให้ความสำคัญกับคนข้ามถนน ซึ่งมีทั้งเด็ก คนหนุ่มสาว คนแก่ และคนพิการ ในวันนั้นเราได้เห็นคนตาบอดกำลังจะข้ามถนนด้วยความระล้าระลัง ลูกสาวเลยเข้าไปช่วยเหลือพาไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ










ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมากและเขาให้ความสำคัญและคุณค่าแก่ผู้สูงอายุในฐานะที่เคยทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองมาก่อน คนสูงอายุในญี่ปุ่นจึงมีชีวิตที่ไม่ลำบากนัก เราจึงเห็นคนแก่ท่องเที่ยวเหมือนคนปกติแม้เขาจะต้องนั่งบนวีลแชร์ก็ตาม ผู้คนก็จะให้ความสำคัญแก่คนสูงอายุก่อนเสมอ



การท่องเที่ยวแบบวิถีธรรมชาติทำให้เห็นแนวคิดในการพัฒนาบ้านเมืองของคนญี่ปุ่น ตลอดการเดินทางไปแต่ละเมือง จะพบว่าต้องลอดอุโมงค์หลายแห่งมาก บางอุโมงค์ยาวเป็นกิโล แสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดทำลายธรรมชาติ ภูเขาก็ยังเป็นภูเขาอยู่เช่นเดิม เขาใช้การเจาะอุโมงค์ทะลุเขา แทนการทำทางบนไหล่เขา






  

นอกเหนือจากนี้เขายังรักษาประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของเขาอย่างดี  วิถีชีวิตของชาวไอนุที่เป็นชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่อาศัยบนเกาะฮอกไกโดมาช้านานถูกจำลองไว้ที่หมู่บ้านไอนุ




















คนที่เข้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านไอนุ  จะมีโอกาสได้ชมการแสดงพื้นเมืองที่แสดงถึงความเป็นมาและวิถีชีวิตของพวกเขา    ชาวไอนุนิยมกินปลาแซลมอน พวกเขาจึงมีวิธีการถนอมอาหารด้วยการรมควันเพื่อจะได้มีกินตลอดปี






































ที่หมู่บ้านไอนุแห่งนี้  จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์  ที่ทำเงินให้ญี่ปุ่นในแต่ละปีได้ไม่น้อยทีเดียวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ








ไม่ไกลจากหมู่บ้านไอนุ  เราขับรถไปเที่ยวทะเลสาบโทยะ  ทะเลสาบแห่งนี้มีความแปลกที่มองไปแล้วเป็นเหมือนไข่ดาว คือจะมีเกาะเล็กๆอยู่ตรงกลางและมีทะเลสาบล้อมรอบเกาะ เป็นความสวยงามที่แปลกไปจากทะเลสาบอื่น ๆ  








ใกล้ๆกับเมืองซับโปโร   มีเมืองเล็กๆที่น่ารักเมืองหนึ่งที่ไม่ไปไม่ได้เลย  เมืองนั้นคือ โอตารุ เมืองนี้อยู่ติดชายทะเล ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของฮอกไกโด สินค้าที่ขึ้นที่เมืองท่านี้จะมีการลำเลียงผ่านคลองโอตารุ  จะเห็นว่าสองฝั่งคลองยังมีโกดังให้เห็นอยู่หลายแห่ง เมื่อประเทศมีการพัฒนาขึ้นความเจริญเปลี่ยนไป ความเจริญที่เคยมีอยู่ในเมืองนี้กลับกลายเป็นเพียงอดีต จึงมีการพัฒนาเมืองนี้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแทน










เนื่องจากเป็นเมืองเล็ก และเป็นเมืองแห่งการค้าในอดีต ที่นี่จึงมีสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย บางคนเรียกว่าเป็นเมืองแห่งความรัก บางคนบอกว่าเป็นเมืองที่อาหารอร่อย บางคนก็เรียกว่าเป็นเมืองแห่งกล่องดนตรี แตกต่างกันไปตามความประทับใจของนักท่องเที่ยวแต่ละคน
















ในฤดูหนาวซึ่งทุกที่ในเมืองโอตารุถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เมืองนี้จะสวยงามมากยามเมื่อหิมะต้องกับแสงไฟ   โดยเฉพาะที่คลองโอตารุ
















การท่องเที่ยวต่างเมืองเป็นเรื่องที่น่าสนุกสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ บ้านเมืองที่เงียบสงบ ธรรมชาติสวยงาม และผู้คนมีอัธยาศัยดี  ทำให้ท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน  แต่สำหรับในเมืองหลวงอย่างซับโปโรก็มิได้ด้อยกว่า  มีสถานที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง


อาคารศาลากลางของฮอกไกโดในอดีต




สวนไม้ประดับหน้าอาคารศาลากลาง

ซากุระที่ยังบานสะพรั่งในมหาวิทยาลัยฮอกไกโด






พิพิธภัณฑ์เบียร์เมืองซับโปโร







หอนาฬิกาเมืองซับโปโร




ซับโปโรทีวีทาวเวอร์






การไปฮอกไกโดครั้งนี้จึงเป็นการท่องเที่ยวที่เพลิดเพลินและมีความสุขมากทริปหนึ่ง  วันสบาย สบาย ในฮอกไกโดจะยังอยู่ในความทรงจำและหวังใจว่าน่าจะหาโอกาสไปอีกสักครั้งหนึ่ง................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น